“คลัง” เร่งถกกรอบเงินเฟ้อใหม่ก่อนถกหาจุดร่วม“แบงก์ชาติ”
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.การคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการพิจารณากรอบเงินเฟ้อในปัจจุบันว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ โดยหากได้ข้อสรุปจะเร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และส่วนงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาความชัดเจนเกี่ยวกับการกำหนดกรอบอัตราเงินเฟ้อใหม่ต่อไป ซึ่งกระบวนการในการหารือทั้งหมดจะต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วที่สุด โดยเบื้องต้นมี 2 ทางเลือก คือ 1. กรอบเดิมที่ 1-3% ส่วนจะเพิ่มหรือจะลดลงนั้นยังอยู่ระหว่างพิจารณา และ 2. ใช้ในลักษณะค่ากลาง เหมือนในบางประเทศ เช่น ค่ากลางที่ 2% บวกลบ 0.5%
โดยหากถามว่าอัตราเงินเฟ้อระดับไหนที่จะเหมาะสมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนั้น นายเผ่าภูมิ ระบุว่า เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก ไม่อยากพูดตอนนี้ โดยจากนี้จะต้องมีกระบวนการพูดคุย หารือเพื่อกำหนดกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่เหมาะสมร่วมกับหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหมด ต้องมาตกลงร่วมกัน หาจุดยืนร่วมกัน หากแต่ละฝ่ายมองคนละจุดที่ไม่ตรงกัน ก็อาจจำเป็นจะต้องถอยกันคนละก้าวเพื่อหาจุดที่ลงตัว โดยกระบวนการหารือร่วมกันของทุกฝ่ายจะเป็นไปอย่างเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ความเห็นส่วนตัว รวมถึงความเห็นของหลายส่วนในคลัง มองว่า ควรจะต้องมีมาตรการที่ให้ทุกฝ่ายมีความรับผิดชอบมากขึ้นในการที่จะทำให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย ไม่ว่าข้อสรุปเรื่องกรอบเงินเฟ้อใหม่จะออกมาเป็นช่วงคาดการณ์ หรือค่ากลาง แต่การปฏิบัติเพื่อให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะที่ผ่านมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเงินเฟ้อหลุดกรอบเป้าหมาย คือ หน่วยงานที่รับผิดชอบก็จะมีหน้าที่ทำรายงานมาที่กระทรวงการคลัง ว่าทำไมถึงหลุดกรอบ และจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้หลุดกรอบเป้าหมาย และสิ่งที่คลังทำได้ คือ รับหนังสือชี้แจงดังกล่าวมาแต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากรับทราบว่ามีแนวทางดังนี้ อาจจะมีการท้วงติง มีการพูดคุยกันบ้าง แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น ดังนั้นจากนี้จะต้องให้ความสำคัญกับกระบวนการและการดำเนินการเพื่อให้อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายให้ได้เป็นหลัก
“กรอบเงินเฟ้อสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การมีกรอบเงินเฟ้อแล้วยังไม่ปฏิบัติตาม ดังนั้นมีกรอบไปก็เท่านั้น แม้ว่าจะเซ็ตกรอบมาดีแค่ไหน ถ้ากระบวนการในการบังคับใช้ว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางการเงิน มาตรการทางการคลัง ต้องมีหน้าที่ผลักให้เงินเฟ้อเข้ากรอบเป้าหมาย ถ้าตรงนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์ มีกรอบไปก็เท่านั้น ส่วนถามว่าจะถึงขึ้นมีการลงโทษหรือไม่ คงไม่ขนาดนั้น แต่จะมีมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น เพื่อทกให้ทุกฝ่ายดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อทำให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมาย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวอีกว่า สิ่งที่กระทรวงการคลังอยากเห็นหลังจากนี้ คือ ความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางการเงินและภาคส่วนอื่น ๆ ไม่ได้เจาะจงแค่ ธปท. แต่รวมไปถึงภาคส่วนอื่น ๆ ที่มีหน้าที่ร่วมกันผลักดันเศรษฐกิจว่าควรจะมีหน้าที่และเป้าหมายเดียวกัน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้จะเริ่มเห็นว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มมีการปรับตัวสูงขึ้น จากราคาน้ำมัน-อาหารที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งต้องยอมรับว่ามาจากความพยายามของมาตรการทางการคลังเป็นหลัก โดยทุกฝ่ายจะเห็นว่ารัฐบาลพยายามใส่มาตรการทางการคลังเข้าไปเยอะและเข้มข้นมากขึ้น เนื่องจากมองว่าเงินเฟ้อยังต่ำกว่ากรอบ เศรษฐกิจหนืด สิ่งที่กระทรวงการคลังเร่งดำเนินการ คือ การอัดสินเชื่อเท่าที่จะทำได้ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ซึ่งยังมีกำลังน้อยมากเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ ผ่านโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟท์โลน) โดยธนาคารออมสิน วงเงิน 1 แสนล้านบาท, มาตรการ PGS11 วงเงิน 5 หมื่นล้าบาท และคาดว่าจะมีเพิ่มอีก, มาตรการสินเชื่ออื่น ๆ รวมถึงมาตรการทางภาษี มาตรการสนับสนุนการลงทุน ซึ่งกระทรวงการคลังมองว่าเป็นหน้าที่ในการขับเคลื่อนผ่านกลไกเหล่านี้เพื่อให้เงินเฟ้อขยับขึ้น
“อยากเห็นเงินเฟ้อที่ไม่ต่ำเกินไป หากถามความเห็นส่วนตัวก็ยังมองว่าเงินเงินเฟ้อต่ำเกินไป ไม่ควรจะเป็นกรอบล่างที่1% เพราะเงินเฟ้อที่ระดับดังกล่าว สะท้อนว่าเศรษฐกิจไม่เคลื่อนตัว เศรษฐกิจหนืด คนไม่ใช้จ่าย เมื่อคนไม่ใช่จ่าย ไม่ซื้อของราคาสินค้าก็ไม่ขึ้น การที่เงินเฟ้ออยู่ระดับ 1% บวกลบ หมายความว่าเศรษฐฏิจฝืด เศรษฐกิจหนืด เราอยากเห็นเงินเฟ้อที่สูงกว่านี้ โดยอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มขยับขึ้นตอนนี้ก็สอดคล้องกับที่เราเหยียบคันเร่งทางการคลัง ถ้าหากคลังไม่เหยียบคันเร่ง ผ่านการออกมาตรการที่กล่าวมา ปัจจุบันผมว่าเราคงเห็นอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ราว 0.3-0.4% เท่านัั้น และเราคาดหวังว่าถ้าจะให้ง่ายกว่านี้ หากมาตรการทางการเงินเข้ามาช่วยกัน ก็จะทำให้อัตราเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้เร็วขึ้น นั่นหมายถึงภาวะความกินดีอยู่ดีของประชาชน” รมช.การคลัง ระบุ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.