คลัง เร่งศึกษารูปแบบ-ข้อกฎหมาย ลุยตั้งกองทุนรวมวายุภักษ์3
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังยังอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม ในระหว่างที่ยังรอโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ออกมาในช่วงปลายปีนี้ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถชี้แจงได้ หากยังไม่เข้าสู่ชั้นการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจ โดยยืนยันว่า รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติอื่น ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนโครงการคนละครึ่งนั้น รัฐบาลยังไม่ได้มีการพูดคุย หรือมีการพิจารณาในเรื่องนี้แต่อย่างใด
โดย ก่อนหน้านี้กระทรวงการคลังได้มีการออกมาตรการกระตุ้นตลาดทุนไปแล้ว โดยเฉพาะการปรับเงื่อนไขกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (TESG) ซึ่งคาดว่าในช่วงเวลา 4-5 เดือนของปีนี้ จะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาราว 3 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันประเมินว่ารัฐจะสูญเสียรายได้จากภาษีไปราว 1.3 หมื่นล้านบาท จากการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีครบทุกระดับอายุของฐานที่เสียภาษีนั้น มองว่า มาตรการนี้ถือว่าคุ้มค่า เพราะอยากให้มองใน 2 ส่วน ไม่ใช่แค่เม็ดเงินลงทุนที่จะเข้ามาเมื่อเทียบกับรายได้ภาษีที่จะเสียไปเท่านั้น แต่จากการศึกษาของกรมสรรพากร และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดทุนไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาทอย่างแน่นอน และอีกส่วนคือ ผลกระทบของมาตรการในเชิงมูลค่า โดยกระทรวงการคลังเชื่อว่า มาตรการนี้จะช่วยดันให้มาร์เก็ตแคปของตลาดขยายตัวขึ้นได้อย่างมาก ถือเป็นผลกระทบในเชิงบวก ซึ่งน่าจะเป็นผลดีกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาดทุนอย่างมาก
“เราเชื่อว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ส่วนตัวเลข 3 หมื่นล้านบาทที่พูดไปก่อนหน้านั้น อาจจะเป็นการประมาณการในระดับต่ำ ซึ่งมาตรการไม่ได้มีผลแค่ในเชิงเม็ดเงินลงทุน แต่ในเชิงมูลค่าก็ถือว่า มีผลบวกมากๆ ดังนั้นจึงไม่อยากให้พิจารณาแค่ตัวเม็ดเงินที่ไหลเข้าไป แต่อยากให้ดูในเชิงมูลค่าที่เกิดจากมาตรการควบคู่กันไปด้วย” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าการฟื้นกองทุนรวมวายุภักษ์ 3 ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการหารือเบื้องต้น ทั้งประเด็นเรื่องกลไกในการดำเนินการหากจะมีการหยิบยกขึ้นมาใช้จริง โดยเฉพาะในเรื่องของข้อกฎหมาย ขั้นตอนที่มีความจำเป็นต่าง ๆ แต่ยืนยันว่าจะเร่งพิจารณาให้เร็วที่สุด โดยหลักคิด คือ ต้องการที่จะให้มีเม็ดเงินเติมเข้าไปในตลาดทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งเคยดำเนินการประสบความสำเร็จมาแล้วในรูปของกองทุนวายุภักษ์
“เราอาจจะมีการพิจารณาในการตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่อีกกอง เป็นกองที่แยกต่างหาก ไม่ได้เป็นกองเดียวกัน แต่รูปแบบ การจัดตั้ง สัดส่วนต่าง ๆ จะเป็นอย่างไร ก็ต้องมาดูกัน โดยรูปแบบที่เคยทำแล้วและประสบความสำเร็จในกองทุนวายุภักษ์ก่อนหน้า ซึ่งกองทุนรวมวายุภักษ์ 1 และ 2 มีเม็ดเงินอยู่แล้วราว 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งหากมีการตั้งกองใหม่ขึ้นมา ก็อาจจะขายให้ประชาชนทั่วไป ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โดยประชาชนจะได้รับการการันตีผลตอบแทนขั้นต่ำและขั้นสูง ตรงนี้ถือว่าประสบความสำเร็จมาก ดังนั้นหากถามว่าจะทำอีกครั้งหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ากำลังพิจารณาอยู่” นายจุลพันธ์ กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.