ปธ.ศึกษาคดี STARK "พิชัย นิลทองคำ"ถือหุ้นร่วมผู้ต้องหาคดีหุ้น MORE

ความคืบหน้า คดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ได้นำมาสู่การแต่งตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อศึกษาแผนประทุษกรรม โดยมี นายพิชัย นิลทองคำ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลาย เป็นประธานคณะทำงาน สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของคดีนี้ต่อวงการการเงินและกฎหมายของไทย

จากการสืบค้นข้อมูลการถือหุ้นและการเป็นกรรมการของนายพิชัย นิลทองคำ ผ่านระบบบริการวิเคราะห์ข้อมูล บริษัทครบวงจร Creden Data จากฐานข้อมูลกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า นายพิชัย ถือหุ้นในบริษัทไม่น้อยกว่า 8 แห่งดังนี้

1.บริษัท นิว แชปเตอร์ คอนซัลทิง จำกัด - ถือหุ้น 210,000 หุ้น คิดเป็น 30% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทนี้มีกิจกรรมการให้เงินทุน รับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพของสถาบันการเงิน รวมถึงการให้คำปรึกษาและดำเนินการด้านติดตามทวงถามหนี้สินและเจรจาหนี้ทุกประเภท

2.บริษัท อัญมณีกาญจน์ จำกัด - ถือหุ้น 12,500 หุ้น คิดเป็น 2.5% ของหุ้นทั้งหมด บริษัทนี้ดำเนินกิจการเหมืองแร่ และยังคงดำเนินกิจการอยู่

3.บริษัท อฑตยา จำกัด - ถือหุ้น 45,000 หุ้น คิดเป็น 90% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินธุรกิจขายปลีกและขายส่งหนังสือ และยังคงดำเนินกิจการอยู่

4.บริษัท เมย์พลัส ไมนิ่ง แอนด์ เคมิคอล จำกัด - ถือหุ้น 1,000 หุ้น คิดเป็น 2% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินกิจการเหมืองแร่อโลหะและเหมืองหิน

5.บริษัท เมย์ พลัส 2005 จำกัด - ถือหุ้น 10,000 หุ้น คิดเป็น 1% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินกิจการเหมืองสินแร่โลหะนอกกลุ่มสินแร่เหล็ก

6.บริษัท เอ ซี ซี การเคหะ จำกัด - ถือหุ้น 40,000 หุ้น คิดเป็น 20% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

7.บริษัท กลางเวียงเชียงใหม่ จำกัด - ถือหุ้น 1 หุ้น คิดเป็น 40% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินธุรกิจซื้อขายที่ดินและอสังหาริมทรัพย์

8.บริษัท เชียงไหม จำกัด - ถือหุ้น 119,899 หุ้น คิดเป็น 99.92% ของหุ้นทั้งหมด ดำเนินธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทและห้องชุด

นอกจากนี้ นายพิชัย นิลทองคำ ยังดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทสองแห่ง ได้แก่ บริษัท อฑตยา จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจขายปลีกและขายส่งหนังสือ และบริษัท เชียงไหม จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท และห้องชุด

ที่น่าสนใจคือ นายพิชัย ถือหุ้นในบริษัท เมย์พลัส ไมนิ่ง แอนด์ เคมิคอล จำกัดร่วมกับนาย “วสันต์ จาวลา” หนึ่งในผู้ต้องหาคดีปั่นหุ้น MORE ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษและถูกปปง.มีคำสั่งอายัดทรัพย์สินจำนวน 159.74 ล้านบาท จนนำไปสู่การตั้งคำถามความเหมาะสมการนั่งในตำแหน่งประธานคณะทำงานศึกษาคดีหุ้น STARK หรือไม่

ทั้งนี้ นายวสันต์ จาวลา ถือหุ้นใน บริษัท เมย์พลัส ไมนิ่ง แอนด์ เคมิคอล จำกัด จำนวน 16,250 หุ้น หรือ 32.50 %  ของจำนวนหุ้นทั้งหมด การกระทำความผิดในกรณีสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ของ บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) เกิดขึ้นจากการร่วมมือของบุคคล 18 ราย รวมถึงนายวสันต์ จาวลา

นอกจากนี้ มีผู้กระทำความผิดอื่นๆคดีหุ้น MORE ได้แก่ นายอภิมุข บำรุงวงศ์, นายเอกภัทร พรประภา, นายอธิภัทร พรประภา, นางอรพินธุ์ พรประภา, นายประยูร อัสสกาญจน์, Mr. Shubhodeep Prasanta Das, บริษัท ตงฮั้ว แคปปิตอล จำกัด, บริษัท ตงฮั้ว มีเดีย แล็บ จำกัด, นายสมนึก กยาวัฒนกิจ, นางสาวจิระวรรณ ไชยพงศ์ผาติ, นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา, นางสาวอัยลดา ชินวัฒน์, นางสาวสุร์ศิริ ปรีดาสุทธิจิตต์, นายอิทธิวรรธน์ วรรณะเอี่ยมพิกุล, นายมั่นคง เสถียรถิระกุล, นายโสภณ วราพร, และนายอมฤทธิ์ กล่อมจิตเจริญ
 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.