ลุ้นภาคต่อ คดีเศรษฐา ทักษิณ ก้าวไกล ผลสะเทือน ชี้วัดจุดเปลี่ยนการเมือง
ผ่านพ้น อุณหภูมิร้อนทางการเมือง 18 มิ.ย. กับ 4 เหตุการณ์ร้อนทางการเมือง แม้จะเป็นคนละคดี แต่ล้วนมีผลสืบเนื่องเชื่อมโยงไปถึง ทิศทางการเมืองใหญ่ ในวันข้างหน้า
อัยการสูงสุด นัด ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นำตัวส่งฟ้อง ศาลอาญา จากคดีความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ท่ามกลางกระแสข่าวลือ จะไม่เดินทางมาศาล
ผลที่ออกมา
ทักษิณ ชินวัตร เดินทางมาพร้อมทนาย ขอต่อสู้ตามกระบวนการ ก่อนที่ศาลอาญาอนุญาตให้ประกันตัว วงเงิน 5 แสนบาท และนัดไต่สวนพยาน 19 สิงหาคม 67 เวลา 9.30น.
ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพิจารณาต่อ คดียุบพรรคก้าวไกล
ผลที่ออกมา ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พร้อมทั้ง นัดพิจารณาต่อไปวันที่ 3กรกฎาคม และกำหนดให้คู่กรณีเข้ามาตรวจพยาน วันพุธที่ 9 กรกฎาคม 2567
ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยพ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 107
ผลที่ออกมา ทำให้กระบวนการเลือกสว. ระดับประเทศ 26 มิ.ย. เดินหน้าต่อไป และหากไม่มีอะไรผิดพลาด น่าจะได้เห็นว่าที่ 200สว.ชุดใหม่ ตามไทม์ไลน์เดิมของกกต. ที่ตั้งใจจะประกาศออกมาในวันที่ 2ก.ค. รวมทั้งทำให้ กกต. คลายข้อกังวลออกไปอีกเปราะ หลังจากโดนตั้งคำถามการควบคุมดูแลการเลือกสว.67 ด้วยกติกาอันสลับซับซ้อน มีเรื่องร้องเรียนเข้ามาเป็นระยะๆ
ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้อง สว. 40 คน ร้องนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ หรือควรรู้อยู่แล้วว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากนายพิชิตเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) และ (5) เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องทั้งสอง สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่
ผลที่ออกมา ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานประเด็นที่ศาลกำหนดยื่นภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 10 ก.ค.
จากสถานการณ์ 18 มิ.ย. มีคดีที่มีคำพิพากษาคดีเดียวคือ กฎกติกาการเลือกสว. ส่วนคดีอื่นๆ โดยเฉพาะ คดีของพรรคก้าวไกล คดีของเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยังเปิดโอกาส รับฟังข้อมูลเพิ่ม ยังไม่กำหนดวันอ่าน คำพิพากษา
ระยะเวลาที่ เข้าสู่กระบวนการพิสูจน์ความจริงของแต่ละฝ่าย เรื่องเวลาที่ทอดยาวออกไป พรรคก้าวไกล ยังต้องลุ้นต่อ ศาลขยายเวลาการพิจารณา แต่การที่ศาลมีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรธน.ที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้เพื่อประกอบการพิจารณา ในแวดวงกฎหมาย รัฐศาสตร์ ในระยะยาว อาจไม่ส่งผลดีต่อพรรค บุคคลากรในพรรคสักเท่าไหร่
'โอฬาร ถิ่นบางเตียว' อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้สัมภาษณ์ข่าวเช้าเนชั่น 19มิ.ย. ในทำนองว่า
-พรรคก้าวไกล ยังถูกมองเป็น ภัยต่อความมั่นคง
-รอให้ พรรคเพื่อไทย จัดองค์ประกอบพรรค ตั้งตัวได้มากกว่านี้ หากถึงเวลา ‘ไม่เอาไว้’ จะมีการยุบพรรคก้าวไกล
คดีความ ทักษิณ ชินวัตร ที่ยังติดบ่วงคดี112 แต่มีกระบวนการต่อสู้ 3 ศาล คงจะกินเวลาไปอีกยาวนานนับปีกว่าจะรู้ผล คำพิพากษา อย่างใดอย่างหนึ่งออกมา
คดีเศรษฐา ศาลรัฐธรรมนูญให้เวลา15วัน ให้หน่วยงาน บุคคลที่เกี่ยวข้องทำความเห็นและจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานประเด็นที่ศาลกำหนด พร้อมทั้ง กำหนดนัดพิจารณาต่อไปในวันที่ 10 ก.ค.
มองตามรูปการณ์ คดีของเศรษฐา คลี่คลายไปในได้ระดับหนึ่ง ไปจนถึงคนในพรรคเพื่อไทย แวดวงการเมืองบางส่วน มองไกลไปถึงแนวโน้มวันข้างหน้า ผลน่าจะออกมาเป็น คุณมากกว่า
ด้วยบริบทการเมือง รัฐบาล นายกฯ พรรคร่วมรัฐบาล เพิ่งเริ่มทำงานได้เพียง ปีเศษ นับจากวันเลือกตั้ง การบริหารในเชิงอำนาจทั้งในส่วนราชการ เชิงนโยบาย การจัดการองคาพยพต่างๆ ยังไม่ลงตัว ประกอบกับ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่น มีทั้งไม่พร้อม ไม่เอื้ออำนวยต่อการ เปลี่ยนแปลง อีกครั้ง อันอาจส่งผลกระทบโดยรวมไม่เพียงเฉพาะทางการเมือง แต่ยังลามไปถึงความเชื่อมั่นต่างชาติ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
สถานะคดีทาง ศาลรัฐธรรมนูญ น่าจะออกมาในทางที่ดี แต่เมื่อนำไปเทียบเคียง คดีค้างเก่า ที่ยังค้างอยู่ รอการพิจารณาใน ป.ป.ช. ที่ออกได้หลายมุม
'พรรณิการ์ วานิช' อดีตสส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่
ก่อนนำมาสู่คำพิพากษา มีการตั้งต้นที่ ป.ป.ช. โดย พรรณิการ์ ถูกยื่นตรวจสอบ กรณีโพสต์ภาพและข้อความในเฟซบุ๊ก ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจไปในทางที่อาจเชื่อมโยงกับเรื่องของสถาบันฯ เป็นพฤติการณ์หรือการกระทำที่ส่อไปในทางขัดต่อมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
ป.ป.ช.ชี้มูล ส่งให้ ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง วินิจฉัย ผลที่ออกมา ผิดฐานฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรงตามกฎหมาย โดยให้ถอนสิทธิรับสมัครเลือกตั้งตลอดไปและไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมือง
คดี 3 สส. พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกัน
ถูกตั้งต้นจาก ป.ป.ช. รับเรื่องไปสอบ และมีมติชี้มูล ส่งให้อัยการส่งฟ้อง ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทั่ง ศาลฎีกาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ ยืนจำคุก 9 เดือน ไม่รอลงอาญา 3 สส.พรรคภูมิใจไทย เป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่ของสส.ซึ่งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ
'วัชระ เพชรทอง' สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
ขอให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่อว่ากระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงหรือไม่ จากกรณีเสนอชื่อนายพิชิต ชื่นบาน ให้ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ขอให้ป.ป.ช.ตั้งอนุไต่สวน นายเศรษฐา ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ปลัดกระทรวงการคลังกับพวก กรณีไม่ติดตามให้ นายทักษิณ ชินวัตร ชำระเงินตามคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีเอ็กซิมแบงก์ จำนวนเงิน 189,125,644.55 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จริยธรรมนักการเมือง การละเว้น ปฏิบัติหน้าที่ มีกรณีตัวอย่าง คำพิพากษาที่เคยออกมา หนทางคดีเศรษฐา ในชั้น ศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้ คนในพรรคเพื่อไทย โล่งใจ แต่ กลไก โครงสร้างอำนาจใน ป.ป.ช. ต้นทางของกระบวนการก่อนนำไปสู่ขั้นตอนต่อไป ท้ายที่สุดยังไม่รู้ว่า ผลที่ออกมา จะเป็นใจกับ เศรษฐา-รัฐบาล มากน้อยเพียงใด คงต้องตามติดกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.