"ชัยชนะ"ตั้งฉายาร่างงบฯปี68 รัฐบาลวิ่งราวทรัพย์หน้ากู้เงินมาแจก

เมื่อวันที่ 19มิ.ย.67 ที่อาคารัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้าน เปิดเผยถึงการ พิจารณาร่าง พระราชบัญญัติ งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 โดยให้ชื่อการอภิปรายครั้งนี้ ว่า เป็น"รัฐบาลนักวิ่งราวทรัพย์" หมายถึงเดิน"หน้ากู้เงิน"โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์การเงินการคลังนำเงินที่กู้มาแจกประชาชน แล้วบอกเป็นผลงานของตนเอง

ทั้งนี้ การอภิปรายในวันแรกเป็นการอภิปรายในภาพรวม ตามด้วยเนื้อหางบประมาณของกระทรวงการคลัง วันที่ 2 เป็นงบประมาณที่เกี่ยวกับสังคม แล้ววันสุดท้ายเกี่ยวกับการกระจายอำนาจ ซึ่งงบประมาณรอบนี้เพิ่มขึ้นจากปี 67 กว่า 230,000 ล้านบาท และงบกลางเพิ่มขึ้น 190,000 ล้านบาทนำมาดำเนินโครงการดิจิตอลวอลเล็ต ถึง152,000 ล้านบาท จากงบประมาณที่เพิ่มขึ้นนี้ เป็นการจัดงบประมาณรองรับดิจิตอลวอลเล็ต

ขณะเดียวกันเห็นว่าการตั้งงบประมาณปีนี้ชดเชยที่ขาดดุลที่จัดเก็บรายได้ไม่ได้กว่า 800,000ล้านบาท โดยเป็นที่น่ากังวลสำหรับประเทศไทยเพราะเดิมทีกำหนดไม่ให้เกิดร้อยละ 3 แต่ตอนนี้ขึ้นเป็น 4.5 น่ากังวลว่าเงินที่ใช้หนี้ให้กับภาครัฐที่ตั้งไว้ 400,000ล้านบาท เป็นเงินต้น ได้ 150,000 ล้านบาท และเป็นดอกเบี้ย 250,000 ล้านบาท ซึ่งจะเห็นได้ว่าดอกเบี้ยเกินเงินต้น ส่วนดอกเบี้ยหนี้สาธารณะห้ามเกิน 10% แต่ตอนนี้เกินมาแล้วเกินมาแล้ว 9% เมื่อไหร่ครบ 10% ก็จะทำให้ประเทศขาดความน่าเชื่อถือ

รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังเชื่อว่าแม้จะมีอุบัติเหตุทางการเมือง การจัดทำงบประมาณก็จะดำเนินการต่อไปได้ เพราะ งบประมาณจำเป็นที่จะต้องนำไปบริหารราชการแผ่นดิน แต่ก็ตั้งข้อสังเกตว่าการตั้งงบประมาณ ที่ขาดดุลและเกินดุลอยู่เรื่อย เป็นปัญหาในการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นสถานการณ์การคลังของประเทศในวันข้างหน้าหรือไม่ เนื่องจากมีการขยายค่า GDP เพดาน จาก 18 ล้าน เป็น 19 ล้าน แต่ตอนนี้หนี้ สาธารณะร้อยละ 60 แล้ว และอีก 5% ก็จะครบ 65 จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายค้านกังวล

ส่วนงบองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ตั้งแต่มีการกระจายอำนาจมาก็คาดหวัง การจัดสรรงบให้กับท้องถิ่นร้อยละ 35 แต่ปีนี้ยังอยู่ที่ร้อยละ 29 ซึ่งสะท้อนว่าสิ่งที่รัฐบาลบอกว่าจะกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นให้จังหวัดจัดการตนเองนั้นก็ยังคงอยู่กับที่

นอกจากนี้ยังมองว่าสถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังปกติดี อย่างคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ก็ขยายเวลาการพิจารณาทั้งคดียุบพรรคก้าวไกลและคดีของนายเศรษฐา ทวีสินว่าจะพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ แต่ก็ถือว่าสถานการณ์การเมืองยังน่าติดตามอยู่แต่คิดว่าจะชัดเจนกว่านี้เมื่อมีคำตัดสินคดีใดคดีหนึ่งออกมา ก็สามารถทำให้ เห็นว่าทิศทางจะไปทางไหนได้

หากคำวินิจฉัยของศาลนายเศรษฐาพ้นจากตำแหน่ง งบประมาณวาระที่ 1 นายกรัฐมนตรีเป็นคนเสนออยู่แล้ว แต่หากศาลตัดสินก่อนวาระ 2 และ 3 ก็ต้องดูว่ากฎหมายกำหนดให้มีนายกรัฐมนตรีรักษาการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือหากนายกรัฐมนตรีลาออกก่อน ก็จะมีผู้รักษาการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งดำเนินการพิจารณางบฯได้อยู่แล้ว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.