"ชัยธวัช"ชำแหละงบปี68 ทุ่มนโยบายแจกเงินดิจิทัลไม่ตอบโจทย์ประเทศ

เมื่อวันที่ 19มิ.ย.67 ที่อาคารรัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ลุกขึ้นอภิปรายวาระการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ว่า ขอแสดงความห่วงใยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ฟื้นจากอาการป่วยโควิด-19 ซึ่งการกำหนดวงเงินงบประมาณปี2568 สูงมากเป็นประวัติการณ์ 3.75 ล้านล้านบาท สูงสุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจัดงบประมาณแบบขาดดุลอย่างต่อเนื่องมาหลายปี โดยมีเงินกู้ 865,700 ล้านบาท เป็นการวางเงินกู้เกือบชนเพดาน ส่วนจะสอดคล้องกับความจำเป็นในสถานการณ์หรือไม่นั้นจะต้องไปดูในรายละเอียดว่ารัฐบาลกำลังจะนำงบไปดำเนินการอะไรบ้าง
 

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ฝ่ายค้านก็ผิดหวังจากการจัดทำงบประมาณปี 2567 มาคราวนี้งบปี 2568 ซึ่งเป็นการใช้อำนาจเต็มของรัฐบาลใหม่ จะไม่สามารถปัดความรับผิดชอบได้อีกต่อไป เมื่อพิจารณาในรายละเอียดทำให้ฝ่ายค้านผิดหวังและหมดหวัง เป็นการจัดสรรงบประมาณที่เหมือนเดิมมีปัญหาแบบเดิมๆ เพิ่มเติมคือดิจิทัลวอลเล็ต จัดเหมือนเดิมซ้ำซ้อนเบี้ยหัวแตก มองไม่เห็นเป้าหมายนโยบายที่ชัดเจน แทบไม่มีอะไรใหม่ โดยงบปี 2567 มีโครงการใหม่ถึง 236 โครงการ แต่การจัดครั้งนี้มีโครงการใหม่เพียง 163 โครงการ แถมมีโครงการเหล้าเก่าในขวดใหม่เยอะมาก และแต่ละกระทรวงต่างคนต่างทำต่างอยู่ในอาณาจักรของตัวเองไร้ทิศทาง 

“หากมีอะไรใหม่ที่มองว่าเป็นวาระของรัฐบาลอย่างชัดเจน คงมีแค่เรื่องเดียว ความพยายามที่จะผลักดันทุรังทำดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ทำให้ได้สำเร็จเรียกได้ว่า ดันทุรังกันแบบ เจ๊งไม่ว่า แต่เสียหน้าไม่ได้” นายชัยธวัชกล่าว

นายชัยธวัช อภิปรายต่อว่า งบดิจิทัลวอเล็ต เป็นรายการที่ตั้งใหม่ชื่อว่าค่าใช้จ่ายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ จำนวน 157,200 ล้านบาท และมีการคาดการณ์ต่อว่าจะมีการใช้เงิน ธกส. 172,300 ล้านบาท และจะมีการของบกลางปี 2567 เพิ่มอีก 122,000 ล้านบาท หากไม่พอรัฐบาลอาจออกกฏหมายโอนเงินงบประมาณจากงบสำรองรายจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็นมาเพิ่มอีก

ผลจากการหางบประมาณมาดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาทางการคลังเฉพาะหน้าและระยะยาว เกิดภาระการจ่ายหนี้ของภาครัฐสูงขึ้นในอนาคต สูญเสียพื้นที่ทางการคลังหากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินฉุกเฉินจริงๆ หรือจำเป็นต้องลงทุนภาครัฐขนาดใหญ่ และเหตุใดรัฐบาลรู้ว่าเสี่ยงแต่ยังคงจัดงบงบประมาณปี 2568

รัฐบาลชุดนี้มีปัญหาวิกฤตความชอบธรรมทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะจนถึงวันนี้ยังไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศและปากท้องของประชาชนดีขึ้น พรรคแกนนำรัฐบาลจึงเหลือความหวังเดียวคือการผลักดันโครงการเรือธง ที่เคยหาเสียงไว้ “ดิจิทัลวอลเล็ต” ส่งผลให้ความชอบธรรมทางการเมืองกลับคืนมา

แต่หากสุดท้ายนโยบายดิจิทัลวอเล็ตไม่ได้ตอบโจทย์ของประเทศ การจัดสรรงบประมาณที่ไม่ได้เอาโจทย์ของประเทศตัวตั้ง แต่เอาโจทย์ของพรรคแกนนำรัฐบาลเป็นตัวตั้งซึ่งหมายถึงการมุ่งแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมืองของตนเอง โดยเอาโอกาสและอนาคตของประเทศวางเป็นเดิมพัน ซึ่งการจัดสรรงบงบประมาณแนวคิดแบบนี้ไม่สามารถใช้ได้ในปัจจุบัน เพราะไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงของประเทศในเวลานี้

นอกจากนี้ เห็นว่าการกระตุ้นการบริโภคโดยการอัดเงินลงระยะสั้นอาจเจอช่องทางเงินไหลออกที่เปรียบเป็นหลุมดำสองหลุมคอยดูดเม็ดเงินออกนอกระบบเศรษฐกิจในประเทศ หลุมดำแรก คือการนำสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจนเกิดภาวะสินค้าล้นตลาดแทบทุกรายการ และหลุมดำที่สอง คือการขายของออนไลน์ที่คาดว่าคนไทยจะซื้อของออนไลน์จากต่างประเทศมากขึ้น กลายเป็นเกิดส่วนแบ่งตลาดของสินค้าราคาถูกจากต่างประเทศมากขึ้น และรัฐบาลเพิ่งเริ่มตระหนักเข้าใจประเด็นนี้จึงมีการทบทวนเรื่องการใช้เงินซื้อโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ สะท้อนถึงการคิดที่ไม่รอบคอบ ตั้งแต่แรก

ภายใต้กรอบคิดเดิมๆเมื่อ 20 ปีก่อน โจทย์ปัญหาของประเทศยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโจทย์การศึกษาและการเรียนรู้ โจทย์สังคมสูงวัย โจทย์ของชนบทไทยที่สมาชิกฝ่ายค้านจะไล่เรียงในการอภิปรายชี้เห็นหลังจากนี้ 

"การจัดสรรงบประมาณปี 2568 สะท้อนเห็นว่าโจทก์ของรัฐบาลไม่ใช่โจทย์ของประเทศเป็นการจัดงบที่มักง่ายที่สุด สุ่มเสี่ยงที่สุด เพราะรัฐบาลนำทรัพยากรของประเทศมุ่งแก้ปัญหาวิกฤต ทางการเมืองเฉพาะหน้าของตัวเอง โดยเอาโอกาสของคนไทยทุกคนและอนาคตของประเทศมาวางเดิมพันอย่างไม่รับผิดชอบ"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.