CIVIL กางแผนธุรกิจ ปักธง 3 ปี รายได้พุ่ง 9,000 ล้าน

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีวิลเอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ CIVIL เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 บริษัทคาดจะดีกว่าไตรมาส 1/2567 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,031.16 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25.05 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการรับรู้รายได้มากขึ้นกว่าในช่วงไตรมาส 1/2567 

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 บริษัทคาดว่าจะเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 22,538 ล้านบาท แบ่งเป็นงานที่บริษัทอยู่ระหว่างรอลงนามสัญญา จำนวน 8 โครงการ มูลค่ารวม 10,164 ล้านบาท ได้แก่ งานถนน และงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง และงานที่บริษัทได้ลงนามสัญญาไปแล้ว 12,374 ล้านบาท 

ทั้งนี้ ในช่วงที่เหลือของปี 2567 บริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จาก Backlog ดังกล่าว จำนวน 6,278 ล้านบาท อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำคลองสังข์, โครงการพัฒนาคูน้ำวิภาวดี ตอน 2, โครงการก่อสร้างสนามบินลำปาง สนามบินหัวหิน และ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่บางสะพานน้อย-ชุมพร ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดๆ ไป 

นอกจากนี้ บริษัทมุ่งเน้นการเข้ารับงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพทั้งภาครัฐและเอกชน จากการที่รัฐบาลเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสให้กับบริษัทมากขึ้นในการเข้าประมูลงานใหม่ โดยเฉพาะโครงการก่อสร้างที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ อาทิ งานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่, งานประเภทรถไฟความเร็วสูง และงานถนน มูลค่ารวม 7,787 ล้านบาท ส่งผลให้ Backlog ในช่วงสิ้นปี 2567 เพิ่มขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 30,325 ล้านบาท

ดังนั้นคาดว่ารายได้ในปี 2567 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 6,500 ล้านบาท อีกทั้งในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายมีรายได้ 8,000 ล้านบาท และปี 2569 มีรายได้ 9,000 ล้านบาท

“บริษัทยังคงเดินหน้าเพิ่มขีดความสามารถการเข้าประมูลงานที่มีศักยภาพ ด้วยความพร้อมในการแข่งขันทุกโครงการ ซึ่งปัจจุบันภาครัฐมีความชัดเจนในด้านงบประมาณและโครงการที่จะเริ่มเปิดประมูลในช่วงครึ่งปีหลังมากขึ้น ถือเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทในการสร้างการเติบโตทั้งรายได้ และความสามารถในการทำกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว 

ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2573 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ เป็น 20% จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 5% ของรายได้รวม โดยบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น อาทิ ธุรกิจยานยนต์เชิงพาณิชย์ (EV) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจอย่างยั่งยืนและคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม รวมถึงโครงการ PPP ในรูปแบบ Built Operate Transfer (BTO) 

อีกทั้งบริษัทยังเพิ่มโอกาสการเติบโตในส่วนธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และเครื่องจักรก่อสร้างให้เช่า รวมไปถึงการต่อยอดธุรกิจวัสดุก่อสร้างของบริษัท ซึ่งทั้งหมดจะเริ่มเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จากการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับงานก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ทำให้ภายในปี 2573 สัดส่วนรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัท มีสัดส่วนเป็น 80% จากปัจจุบันอยู่ที่ 95% ของรายได้รวม โดยธุรกิจหลักบริษัทมีการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยี อาทิ โปรแกรม Power BI (Business Intelligence), HR Tech และ ระบบ RPA (Robotic Process Automation) ซึ่งปัจจุบันดำเนินการเต็มประสิทธิภาพ สามารถบริหารขั้นตอนงานก่อสร้างด้วยความรวดเร็ว และส่งมอบงานได้ตามกำหนดเวลา 

ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้งานก่อสร้าง แบ่งเป็นงานก่อสร้างทางรถไฟและทางรถไฟความเร็วสูง 46%, งานก่อสร้างทางหลวง ทางต่างระดับ และทางพิเศษ 33.9% และงานประเภทอื่นๆ 20.1% อาทิ คลองระบายน้ำ งานก่อสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ และ สนามบิน 

“ภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ผ่านมาถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่ทำให้ CIVIL มีความแตกต่างคือการรักษาต้นทุนการก่อสร้างให้อยู่ในระดับที่ดี และ การมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง สามารถดูแลผู้ที่เกี่ยวข้องภายใต้การดำเนินงานทั้งหมด อีกทั้งการมุ่งเน้นพัฒนาประสิทธิภาพงานรอบด้าน ทั้งในแง่การบริหารโครงการให้เป็นไปตามกำหนดเวลาภายใต้ข้อจำกัดด้านพื้นที่ก่อสร้าง รวมไปถึงการมี Backlog ที่สร้างการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง” นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.