หุ้นไทยใกล้ Oversold วันนี้มีลุ้นรีบาวด์
Panic มากเกินไป
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุนฝ่ายวิจัย บล.ลิเบอเรเตอร์ ระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างมากโดยเฉพาะตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงกว่า -4.5%w-w ตอบรับความกังวลจากสถานการณ์ความวุ่นวายระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านและแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯที่น่าจะคงตัวสูงไปอีกระยะหนึ่ง
โดยสถานการณ์ความวุ่นวายในตะวันออกกลาง ฝ่ายวิเคราะห์คาดแม้จะยังคงยืดเยื้อต่อไป แต่ตลาดก็ตอบรับความเสี่ยงดังกล่าวไปในระดับหนึ่งแล้วเช่นเดียวกับการลดดอกเบี้ยของสหรัฐฯที่ ณ ปัจจุบันตลาดคาดน่าจะเลื่อนออกไปอยู่ในช่วงปลายปี
ขณะที่ SET ย่อลงแรงจนทำให้ Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง ดังนั้นคาด SET จะค่อยๆเริ่มสร้างฐานหลังผ่านพ้น Panic Sell สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง หรือนักลงทุนระยะกลาง มองเป็นจังหวะในการสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไรเติบโตดี โดยอุตสาหกรรมที่น่าสนใจ แนะนำ ค้าปลีก, ท่องเที่ยว, นิคมอุตสาหกรรม, เครื่องดื่ม, ธนาคาร เป็นต้น
ส่วนปัจจัยในประเทศ แนะติดตามรายงานผลประกอบการ 1Q24 โดยกลุ่มธนาคารออกมาเกือบหมดแล้ว พบว่าใกล้เคียงกับตลาดคาด โดยส่วนต่างดอกเบี้ยชะลอลงเล็กน้อย ขณะที่ NPL และการตั้งสำรองผสมผสาน ส่วน Valuation อยู่ในระดับที่ไม่แพง แนะสะสม KTB, TTB ส่วนปัจจัยต่างประเทศติดตามการรายงาน US Core PCE, 1Q24 US GDP และการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
" คาด SET วันนี้ “ฟื้นตัว” ในกรอบ 1320-1350 จุด ตลาดกังวลสถานการณ์ตะวันออกกลาง กด SET ย่อตัวมากเกินไป ขณะที่ Valuation น่าดึงดูดมากขึ้น คาดกระตุ้น SET ฟื้นตัว ส่วนประเด็นติดตามสัปดาห์นี้ จับตาผลประกอบการ, เงินเฟ้อ US และประชุม BOJ ส่วนกลยุทธ์เน้นทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานดี Valuation ไม่แพง
วันนี้ แนะนำ “KTB” ราคาเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 19.00 บาท รายงานกำไรสุทธิ 1Q24 ที่ 11,078 ล้านบาท (+10%y-y, +81q-q) ใกล้เคียงคาด การตั้งสำรองผ่อนคลายลง หลังมีการตั้งค่อนข้างมากไปแล้วใน 4Q23 ขณะที่ ทิศทาง NPL ratio ลดลงสู่ระดับ 3.7% คาดแนวโน้ม 2Q24 จะเห็นการเติบโตทั้ง q-q, y-y จากแนวโน้มตั้งสำรองที่ยังลดลง และมีลุ้นจากสินเชื่อโครงการภาครัฐฯที่เพิ่มขึ้น "
คลายกังวลตะวันออกกลาง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า ตลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์(19 เม.ย.67)SET Index ร่วง 29 จุด (-2.13%) ปิดที่ระดับ 1,332 จุด กังวลความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาตร์บานปลายหลังมีข่าวอิสราเอลยิงโจมตีอิหร่านเพื่อตอบโต้
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้(22 เม.ย.67)ประเมิน SET รีบาวด์แนวต้าน 1,340 / 1,345 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นรอบบ้านที่ฟื้นตัวขึ้นหลังนักลงทุนคลายกังวลสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ไม่มีเหตุรุนแรงเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามการฟื้นตัวจะจำกัดเนื่องจาก US bond yield ทรงตัวระดับสูง หลังเจ้าหน้าที่ FED ส่งสัญญาณไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงนี้ อีกทั้งราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงในเช้านี้ จึงแนะนำซื้อเล่นรีบาวด์ตามกรอบแนวต้าน
" กราฟ SET ทรุดตัวลงแรงทำ New low ในรอบกว่า 3 ปี พร้อม Volume เพิ่มขึ้นบ่งบอกถึงแนวโน้มขาลงชัดเจนและ MACD ทิ้งตัวลงกดดันดัชนี อย่างไรก็ตาม RSI ที่เข้าใกล้ Oversold จึงมีโอกาส Technical rebound ขึ้นได้ ดังนั้นประเมินว่า SET จะแกว่งตัว 1,325 - 1,345 จุด จึงแนะนำซื้อเล่นรีบาวด์ โดย Cut loss หากดัชนีหลุด 1,320 จุด ส่วนระยะกลาง-ยาวซื้อสะสมโซน 1,300 - 1,320 จุด "
หุ้นแนะนำวันนี้ คือ ITC (ปิด 20.3 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 23.5 บาท) ดักเก็งกำไรก่อน กระทรวงพาณิชย์ ประกาศตัวเลขส่งออกเดือน มี.ค. ในวันศุกร์นี้ คาดยอดส่งออกอาหาร สัตว์เลี้ยงโตแรงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกันหนุนกำไร 1q24 ของ ITC กลับมาฟื้นตัวต่อเนื่อง
SAPPE (ปิด 89.75 ซื้อ/เป้า 115 บาท) ได้ Sentiment บวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่าเพราะมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกมากกว่า 70% ของรายได้รวมแนวโน้มงบ 1Q24 คาดกำไรปกติทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 331 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 120%qoq และ 18%yoy
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+/-) กลุ่มธนาคารประกาศงบ 1Q24 กำไรเพิ่มขึ้น qoq และ yoy แต่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้: โดย BBL, SCB, KTB, TTB, TISCO และ KKP มีกำไรสุทธิรวมใน 1Q24 ที่ 4.1 หมื่นล้านบาทเพิ่มขึ้น 25%qoq และ 5%yoy แต่ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ 1.8% โดย KTB เด่นสุดมีกำไรสุทธิ 1.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 81%qoq และ 10%yoyและ มากกว่าที่เราคาดไว้ 8.9%
(+/-) อิสราเอลกับอิหร่านความตึงเครียดลดลงแต่ยังวางใจไม่ได้: ในช่วงสุดสัปดาห์ยังไม่มีเหตุการณ์โจมตีตอบโต้กันเพิ่มระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน, รมต.ต่างประเทศอิหร่านระบุยังไม่มีข้อพิสูจน์ว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์เป็นการโจมตีจากอสิราเอลทำให้อิหร่านไม่จำเป็นต้องตอบโต้ ประเด็นนี้เรามองเป็นบวกต่อจิตวิทยาการลงทุน และช่วยคลายกังวลให้กับตลาดโดยเฉพาะความวิตกว่าสถานการณ์จะรุกรามจนกลายเป็นสงครามในระดับภูมิภาค
(+/-) ปลายสัปดาห์ติดตามตัวเลข PCE Price Index เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้เฟดลดดอกเบี้ย: สหรัฐจะประกาศตัวเลขดัชนีการใช้จ่ายของผู้บริโภค (PCE Price Index) เดือน มี.ค. ในวันศุกร์ที่ 26 มี.ค. นี้ตัวเลขดังกล่าวจะบ่งชี้ได้ว่าโอกาสที่เฟด จะลดดอกเบี้ยในปีนี้จะเกิดขึ้นเร็วหรือช้า โดย Consensus คาด Headline PCE จะขยับขึ้นสู่ระดับ 2.6 จาก 2.5% ในเดือน ก.พ. แต่ Core PCE คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 2.6 จาก 2.8% ในเดือน ก.พ. ทำให้โทนเป็นกลางกับตลาด
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.