โฆษกรัฐบาล เผย ผู้ผลิตแบตเตอรี่รถEV จากจีน เตรียมตั้งฐานผลิตในไทยปี67

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ปฏิเสธไม่ได้ว่ารัฐบาลทำให้ไทยโดดเด่นในกระแสตลาดการค้าการลงทุนในภูมิภาค ไทยขับเคลื่อนมาตรการส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ EV และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินนโยบายของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หนึ่งผลสำเร็จสำคัญเป็นผลจากการดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์เข้ามาลงทุนในประเทศและตั้งฐานการผลิตในไทย ซึ่งจะช่วยเติมเต็มห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และต่อยอดไปยังการเลือกใช้พลังงานสะอาดในการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนยกระดับประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub)

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยว่า ผู้บริหารของบริษัทผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำระดับโลกจากจีน 7 ราย ได้แก่ Contemporary Amperex Technology (CATL), บริษัท China Aviation Lithium Battery (CALB), Inpow Battery Technology (IBT), Eve Energy, Gotion High-tech, Sunwoda, และ SVOLT Energy Technology มองเห็นโอกาสในการเลือกไทยเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่

ซึ่งทำให้ BOI คาดการณ์ว่า ในปี 2567 นี้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่อย่างน้อยสองรายจากจีนจะเข้ามาลงทุนผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในไทย ซึ่งจะมีมูลค่าเงินลงทุนในระยะแรกรวมกันเป็นจำนวนกว่า 30,000 ล้านบาท ในขณะที่รายอื่นๆ กำลังอยู่ระหว่างกำลังเจรจาธุรกิจกับผู้ร่วมทุนฝั่งไทยและศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณาการตัดสินใจลงทุนในไทย
 

ทั้งนี้ จุดแข็งที่จะดึงดูดให้ผู้ผลิตแบตเตอรี่สนใจลงทุนในไทย ได้แก่ สิทธิประโยชน์ของมาตรการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย ซึ่งครอบคลุมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การยกเว้นภาษีจากเงินปันผล การยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักรและวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเพื่อส่งออก และการสนับสนุนเงินจากกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการลงทุน การวิจัยและพัฒนา รวมถึงความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ พื้นที่รองรับการลงทุน และบุคลากรไทยที่มีศักยภาพ ตลอดจนการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนในไทยที่ทำให้ความต้องการใช้แบตเตอรี่สำหรับระบบกักเก็บพลังงานเพิ่มสูงขึ้น
 

“นายกรัฐมนตรี ขอบคุณ และชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่มุ่งมั่นให้เกิดการลงทุนจากบริษัทชั้นนำของโลกในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ในวิสัยทัศน์การยกระดับประเทศไทย เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์แห่งอนาคต (Future Mobility Hub) ให้มาสร้างฐานการผลิตในไทย เพิ่มพลวัตห่วงโซ่การผลิตในประเทศไทย ทำให้ไทยมุ่งสู่การเป็น Hub การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม” นายชัยกล่าว

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.