เช็ค! หุ้น Domestic Play รับแรงหนุนเครื่องยนต์เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้า
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ภาพเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำในช่วงปีที่ผ่านมา เติบโต 1.9%YoY สะท้อนต้องการแรงกระตุ้นทั้งในส่วนของนโยบายการคลังที่เข้มข้น และนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อหลีกหนีจากภาวะชะลอตัว สำนักเศรษฐกิจภายในประเทศส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า GDP GROWTH ไทยในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.7-2.8% YoY
อย่างไรก็ตาม บทบาทของนโยบายการคลังที่ทยอยเดินหน้า เชื่อว่าจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาส 2/2567 โดยมองเห็นสัญญาณบวกผ่านเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจ ที่เริ่มกลับมาเดินหน้า น่าจะดีต่อหุ้น Domestic Play
เริ่มจากการใช้จ่ายภาครัฐ (G) ผ่านการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท โดยผลการพิจารณา ล่าสุด สส.-สว. มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบฯ ไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. และ 26 มี.ค.2567 ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ สภาฯ จะนำร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว จัดส่งให้กับ ครม. เพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ (คาดเป็นวันที่ 3 เม.ย.2567) หลังจากโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็จะเป็นการประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 เฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของงบลงทุน น่าจะเห็นเม็ดเงินไหลเข้าระบบที่รวดเร็วกว่างวดอื่นๆ เนื่องจากมีช่วงระยะเวลาการเบิกจ่ายเพียง 6 เดือน (สิ้นปีงบประมาณวันที่ 30 ก.ย.2567) เฉพาะอย่างยิ่ง งบจ่ายลงทุน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง CK,STEC, TTCL วัสดุก่อสร้าง SCC, SCCC, TASCO รวมถึงเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มเหล็ก BSBM, TMT, TSTH, INOX
ถัดมา การลงทุน (I) โดยหลังจากรัฐบาลเดือนสายต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา พบปะกับนักลงทุนแล้วกว่า 60 บริษัท ใน 14 ประเทศ คาดเดินหน้าดึงการลงทุนใน 4 อุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า, อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเซมิคอนดักเตอร์, อุตสาหกรรมดิจิทัล และสำนักงานภูมิภาคและโลจิสติกส์ หวังให้มีเม็ดเงินไหลเข้า 5.58 แสนล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การลงทุนขยายตัวอย่างมีนัยฯ หนุนให้ยอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 8.5 แสนล้านบาท และส่งผลให้ FDI มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามลำดับ มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มนิคม อาทิ WHA, AMATA, PIN, ROJNA
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง คือ การบริโภค (C) โดยกระตุ้นผ่านนโยบายต่างๆ เริ่มจากโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท นอกจากนี้คณะกรรมการไตรภาคียังมีมติขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท นำร่อง 10 จังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ 13 เม.ย. 67 ถือเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประมาชาชน มองเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก อาทิ BJC, CBG, CRC,CPALL
ขณะที่ตัวเลขส่งออก (X) เดือน ก.พ.2567 +3.6%YoY ขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สอดคล้องกับการส่งออกในหลายๆ ประเทศในแถบเอเชีย นำโดยเวียดนามส่งออก ม.ค.2567 เติบโต 42%, ไต้หวัน เติบโต 18.1%, เกาหลีใต้ เติบโต 18.0%, สิงคโปร์ เติบโต 15.7% เป็นต้น
ส่วนตัวเลขนำเข้า (M) เดือน ก.พ.2567 เติบโต 3.2%YoY หนุนให้ดุลการค้าขาดดุลลดลงอยู่ที่ -554 ล้านเหรียญฯ (ดีกว่าคาด -573 ล้านเหรียญ) ซึ่งระยะถัดไป ลุ้นดุลบัญชีเดินสะพัด ก.พ.2567 กลับมาเป็นบวก ตามการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่ต้นปี
หากพิจารณาสินค้าส่งออกสำคัญของไทยที่เกี่ยวข้องกับรายชื่อบริษัทจดทะเบียน จะเห็นได้ว่าสินค้าที่โตเด่น คือ ยางพารา +31.7%YoY บวกต่อ NER, STA อาหารสัตว์เลี้ยง +21.5%YoY บวกต่อ ITC, ASIAN, AAI, CPF ทูน่ากระป๋อง +15%YoY บวกต่อ TU เป็นต้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.