เงินบาทวันนี้36.30-36.50เปิดเช้าทรงตัวอยู่ที่36.42บาท/ดอลลาร์
นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยทิศทางเงินบาทวันนี้ว่าอยู่ที่ 36.30-36.50 บาทต่อดอลลาร์ โดยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ ที่ระดับ 36.42 บาทต่อดอลลาร์ ซึ่งทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับปิดวันก่อนหน้า
โดยนับตั้งแต่ช่วงคืนก่อนหน้า ค่าเงินบาทยังคงแกว่งตัวในกรอบ sideways (แกว่งตัวในช่วง 36.35-36.44 บาทต่อดอลลาร์) โดยเงินบาทยังพอได้แรงหนุนจากโฟลว์ธุรกรรมทองคำ หลังราคาทองคำมีจังหวะรีบาวด์ขึ้นบ้าง ตามการย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในคืนวันศุกร์ (ตลาดการเงินสหรัฐฯ และยุโรป ปิดทำการ เนื่องในวันหยุด Good Friday) ทำให้เงินบาทไม่ได้ผันผวนอ่อนค่าลงต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี เงินบาทก็ยังเผชิญแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าอยู่ จากโฟลว์ซื้อเงินดอลลาร์และสกุลเงินต่างประเทศในช่วงปลายเดือน นอกจากนี้ ถ้อยแถลงล่าสุดของเจ้าหน้าที่เฟด Christopher Waller (ในช่วง 05.00 น. เช้าวันพฤหัสฯ) ที่ยังย้ำจุดยืนเฟดไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย ก็มีส่วนช่วยหนุนเงินดอลลาร์และยังคงกดดันทั้งราคาทองคำ รวมถึงเงินบาท
สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท Krungthai GLOBAL MARKETS ยังคงมุมมองเดิมว่า เงินบาทอาจแกว่งตัว sideways ทว่า ปัจจัยกดดันฝั่งอ่อนค่ายังคงมีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงเช้านี้ เงินดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด Christopher Waller ที่ย้ำจุดยืนเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ดี คาดว่า การแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์อาจเป็นไปอย่างจำกัด เพราะอย่างน้อย เงินดอลลาร์อาจไม่ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าต่อเนื่องของเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) เหมือนในช่วงที่ผ่านมา เนื่องจากผู้เล่นในตลาดอาจเริ่มกังวลต่อการเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนจากทางการญี่ปุ่นมากขึ้น
โดยในวันก่อนหน้า ข่าวการประชุมของทางการญี่ปุ่นสามฝ่าย (MOF, FSA และ BOJ) ก็ได้หนุนให้เงินเยนญี่ปุ่นพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นเร็วและแรง จนทดสอบโซน 151 เยนต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นบ้างสู่ระดับล่าสุดแถว 151.3-151.4 เยนต่อดอลลาร์ อย่างไรก็ดี เงินบาทก็อาจเผชิญแรงกดดันจากโฟลว์ธุรกรรมซื้อเงินดอลลาร์ และสกุลเงินต่างประเทศในช่วงปลายเดือน ทำให้ในระหว่างวัน การอ่อนค่าทดสอบโซนแนวต้าน 36.50 บาทต่อดอลลาร์ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่ยาก
ทั้งนี้ มองว่า เงินบาทอาจพอได้แรงหนุนอยู่บ้าง จากโฟลว์ซื้อสินทรัพย์ไทยจากนักลงทุนต่างชาติ ท่ามกลางบรรยากาศในตลาดการเงินที่กลับมาเปิดรับความเสี่ยง อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่รีบกลับเข้าซื้อสินทรัพย์ไทยชัดเจน เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างก็รอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ ในช่วงคืนวันศุกร์ ทำให้การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจจำกัดอยู่ไม่เกินโซน 36.30 บาทต่อดอลลาร์ จนกว่าจะมีปัจจัยหนุนการแข็งค่าใหม่ ๆ เข้ามา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ พลิกกลับมาปรับตัวขึ้น โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาดราว +0.86% หนุนโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม หลังบรรดานักวิเคราะห์ทยอยปรับเป้าดัชนี S&P500 สูงขึ้น ตามมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และผลกำไรของบริษัทจดทะเบียน อย่างไรก็ดี ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนัก เพื่อรอลุ้นรายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันหยุดของตลาดการเงินสหรัฐฯ
ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.13% ท่ามกลางความหวังการทยอยปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางในยุโรป อย่าง ธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) ที่ล่าสุดส่งสัญญาณพร้อมลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาส 2 สอดคล้องกับการส่งสัญญาณทยอยลดดอกเบี้ยของบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เช่นกัน อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยุโรปก็เผชิญแรงกดดันบ้าง หลังหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลดลง อาทิ Shell -1.3% ตามจังหวะการย่อตัวของราคาน้ำมันดิบ
ในฝั่งตลาดบอนด์ บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ย่อตัวลงสู่ระดับ 4.19% โดยส่วนหนึ่งมาจากการทยอยปรับสถานะถือครองของผู้เล่นในตลาดก่อนรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE ในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะเป็นวันหยุดของตลาดการเงินสหรัฐฯ อย่างไรก็ดีมองว่า ควรระวังความผันผวนของตลาดบอนด์ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงวันหยุด Good Friday ซึ่งจะเป็นวันที่ตลาดรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ PCE สหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี เนื่องจากเราคงมุมมองเดิมว่า เฟดจะสามารถทยอยลดดอกเบี้ยลงได้ในปีนี้ ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ทำให้เราคงแนะนำนักลงทุนสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมบอนด์ 10 ปี สหรัฐฯ ในทุกจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงกว่าระดับ 4.20% จาก Risk-Reward ที่มีความคุ้มค่าพอสมควร
ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวในกรอบ sideways โดยมีจังหวะย่อตัวลงบ้าง ตามทิศทางของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์พลิกกลับมารีบาวด์ขึ้น จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด Christopher Waller ที่ย้ำจุดยืนเฟดไม่รีบลดดอกเบี้ย ทำให้โดยรวมดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ยังคงแกว่งตัวใกล้ระดับ 104.4 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 104.2-104.5 จุด)
ในส่วนของราคาทองคำ จังหวะย่อตัวลงของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ ยังพอช่วยหนุนให้ ราคาทองคำรีบาวด์ขึ้น ทว่าผู้เล่นในตลาดต่างก็รอทยอยขายทำกำไรการรีบาวด์ของราคาทองคำ อีกทั้งเงินดอลลาร์ก็พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นบ้าง ทำให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ยังไม่สามารถปรับตัวขึ้นต่อ และทรงตัวแถวโซนแนวรับ 2,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์
สำหรับวันนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ผ่านรายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาสที่ 4 รวมถึง รายงานยอดค้าปลีกและอัตราการว่างงานของเยอรมนี ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานอัตราการเติบโตเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 เช่นกัน นอกจากนี้ รายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงาน (Jobless Claims) ก็จะเป็นอีกข้อมูลที่ผู้เล่นในตลาดจะให้ความสนใจ เพื่อประเมินแนวโน้มตลาดแรงงานสหรัฐฯ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.