แรงขายหุ้นใหญ่-ฟิวเจอร์สผันผวน ถล่มหุ้นไทยร่วงกว่า 10 จุด

ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(28 มี.ค. 2567) อยู่ที่ 1,370.34 จุด ลดลง -10.49 จุด คิดเป็น -0.76% มูลค่าการซื้อขาย 33,679.87 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,383.60 จุด และ ลดลงต่ำสุด 1,368.81 จุด

10 หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด ดังนี้

ต่างชาติขาย-รายย่อยเสียบ

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า SET Index เคลื่อนไหว Sideways ลบแคบๆ เกือบทั้งวันทำการก่อนท้ายตลาดเคลื่อนไหวผันผวน มองเกิดจากผลกระทบการ Rollover TFEX สัญญา H24 เป็นสัญญา M24 ก่อนปิดปรับตัวลดลง -0.76% Sector หลักใน SET ถ่วงดัชนีแทบทั้งหมด กลุ่มพลังงาน (PTT, PTTEP) กลุ่มสื่อสาร (TRUE) กลุ่มชิ้นส่วน (DELTA) กลุ่มค้าปลีก (CPAXT, HMPRO)

     โดยหุ้นที่เคลื่อนไหวโดดเด่นขึ้นหรือลงแรง และ Volume เด่น ส่วนใหญ่เป็นลักษณะการขายทำกำไรหุ้นที่ Outperform ตลาดปี 2024 คือ MALEE (-16.4%) ถูกขายทำกำไร หากนับถึงวานนี้ปรับขึ้นต่อเนื่อง YTD +65% จากภาพบวกทางพื้นฐานเริ่มเห็นผลประกอบการฟื้น 2023 และยอดส่งออก 2m24 น้ำผลไม้จากกระทรวงพาณิชย์เติบโตดี

     TRUE (-3.12%)  ถูกขายทำกำไร โดยหากนับถึงวานนี้ ปรับขึ้นต่อเนื่อง YTD +58% จากความคาดหวังต่อภาพพื้นฐานในปี 2024F ทั้งผลบวกจากการควบรวมกับ DTAC ทั้งต้นทุนและรายได้ นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับผลบวกแผนการเปิดประมูลคลื่นความถี่ที่มีอยู่ในมือเดิมกลับด้วยต้นทุนที่ต่ำลง

     JMART (+0.7%) JMT (+1.83%) หนุนหลักจาก JMT ที่คาดขึ้นสะท้อนภาพ 1) ภาคบริการหนุนการฟื้นตัวทั่วถึงมากขึ้น คาดดีต่อ Cash Collection ระยะถัดไป 2) จิตวิทยา Bond Yield ไทยและสหรัฐฯปรับลงต่อเนื่อง จากความคาดหวังต่อวงจรดอกเบี้ยขาลง หนุนภาพบวกต่อต้นทุน

     STEC (-5.3%) ลบจากข่าวรถไฟสายสีเหลืองเกิดเหตุขัดข้อง เนื่องจากเหตุกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ต้องปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี มีความเสี่ยงกระทบ STEC ในฐานะถือหุ้น 15% ในบริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด (EBM) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของกิจการร่วมค้า BSR (ระหว่าง BTS 75% STEC 15% RATCH 10%)  และผู้รับสัมปทาน โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง

     GULF (+0.57%) ตอบรับข่าวบวก หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำตัดสิน i) กลับคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ยกคำขอของบริษัท วินด์ ขอนแก่น 2 จำกัด ในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์(EA) และ ii) เห็นว่าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการคัดเลือกโครงการพลังงานหมุนเวียนเป็นไปโดยชอบ ซึ่งสะท้อนว่าขั้นตอนการประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 1 กระทำโดยชอบ และการเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 ที่ใช้หลักการต่อเนื่องมาจากของรอบ 1 มีโอกาสต่ำที่จะถูกชะลอ หนุนแนวโน้มการเปิดประมูลพลังงานหมุนเวียนรอบ 2 (3,662 MW) มีโอกาสเห็นความคืบหน้าในไตรมาส 2-3 ของปีนี้ ส่งให้กลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาสได้กำลังการผลิตเพิ่มในอนาคต

 

1355 ขีดสุดรอบนี้

     นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า หุ้นไทยวันนี้ดัชนีไม่สามารถข้ามผ่านแนวต้านเส้น Downtrend line เกิดการย่อตัวเกิดขึ้นตามรอบมีโอกาสได้เห็นการพักตัวลงต่อ กลยุทธ์รอเก็งกำไรที่ฐานแนวรับสำคัญ 1,355 จุด ขณะที่แนวรับ 1,365 / 1,350 จุด แนวต้าน 1,400 / 1,415 จุด

 

ชน EMA89 ไม่ผ่าน จ่อหลุด Neck Line

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า มุมมองทางเทคนิค SET Index ภาพรายชั่วโมง ดัชนีรีบาวด์มามาทดสอบเส้น EMA89 ที่ 1380 จุดอีกครั้ง แต่ไม่สามารถผ่านไปได้แล้วดัชนีก็ลงมาปิดต่ำกว่าเส้น EMA20 สอดรับกับจังหวะ MACD ตัดลงต่ากว่าเส้น Signal ส่งสัญญาณรอบรีบาวด์จบแล้ว อีกทั้งดัชนีหลุด Neck Line ที่ 1375 จุด กลับสู่ขาลง

     กลยุทธ์การลงทุน ทางฝ่ายแนะนำหากรับความเสี่ยงได้ให้เก็งกำไรระยะสั้นในหุ้นที่แข็งแกร่งกว่าตลาด หากรับความเสี่ยงได้น้อยรอซื้อที่แนวรับกรอบด้านล่างแถว 1,355 - 1,360 จุด เมื่อดัชนีมีจุดกลับตัวชัดเจน ส่วนแนวต้าน 1,380 / 1,385 จุด

     หุ้น SAFE มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคา Breakout ผ่านจุด High ก่อนหน้าที่ 21.00 บาท ทำ All Time High ออีกครั้ง พร้อมกับโมเมนตัมทางบวกจาก MACD ที่ตัดขึ้นเหนือเส้น Signal ยังแข็งแกร่ง ไม่มีสัญญาณกลับตัว คาดราคาจะยังขึ้นต่อโดยมีโซนแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 22.50 - 23.00 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่แนวรับ 21.40 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 22.50 และ 23.00 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาต่ำกว่า 21.00 บาท

     หุ้น CCET มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคาทำ Lower Low แต่ Volume ชุดขาลงรอบหลังลดลงเทียบกับรอบแรก พร้อมกับ MACD บีบเข้าหาเส้น Signal และอัตราเร่งแดนลบที่ถดถอยลง หนุนให้ราคาสร้างฐานที่แนวรับใหญ่ 2.40 บาท ที่เส้น EMA89 ลุ้นราคา Breakout EMA20 จะจบการพักตัวเพื่อขึ้นต่อ

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Dip ที่แนวรับ 2.40 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 2.70 และ 3.00 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาต่ำกว่า 2.30 บาท

     หุ้น JMT มุมมองทางเทคนิค ภาพรายวัน ราคายืนกรอบด้านล่างที่ 21.00 บาท แล้วเกิด Bullish Divergence ติดกันถึงสองชุด ทำให้ราคาจ่อ Breakout เส้น EMA20 ลุ้นราคากลับไปทดสอบกรอบด้านบน โดยมีแนวต้านย่อยแรกที่ 23.50 และ 24.00 บาท

     ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน แนะนำ Buy on Breakout ที่ 22.50 บาท ตั้งเป้าทำกำไรที่ 23.50 และ 24.00 บาท ตัดขาดทุนหากราคาลงมาต่ำกว่า 21.50 บาท

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.