GIZ จัดอีก 300 ล้าน หนุน 9 จังหวัดไทย ทำนาข้าวลดโลกร้อน
นายวิชัย ปักษา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อบุคคล ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. กล่าวว่า จากที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมกับองค์กรความร่วมมือต่างประเทศเยอรมัน หรือ GIZ จัดทำโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดภาวะโลกร้อนจากการทำนาเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Thai Rice NAMA ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลประเทศเยอรมนี สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก และสหภาพยุโรป ผ่านโครงการ NAMA Facility วงเงิน 14.9 ล้านยูโร (ประมาณ 600 ล้านบาท) มีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 5 ปี (2561- 2566) นั้น
ล่าสุดทางเจ้าของแหล่งเงินทุนเห็นว่า เกษตรกรไทยเริ่มเข้าใจระบบดังกล่าว และกำลังให้การตอบรับอย่างดี จึงได้ขยายเวลาโครงการไทย ไรซ์ นามา ไปอีก 1 ปี จากเดิมที่สิ้นสุดในเดือนกรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมา เป็นไปสิ้นสุดช่วงเดือนกรกฎาคม 2567 เพื่อให้เกษตรกรมีโอกาสเข้าถึงโครงการมากยิ่งขึ้น ด้วยงบสนับสนุนอีกจำนวน 8 ล้านยูโร คิดเป็นประมาณ 300 ล้านบาท ในพื้นที่นำร่องภาคกลาง และภาคตะวันตก 6 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ปทุมธานี สิงห์บุรี สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา และอ่างทอง มีพื้นที่รวมกว่า 2.8 ล้านไร่ ครอบคลุม 100,000 ครัวเรือน
นอกจากนี้ คณะทำงานยังได้มีการพิจารณาขยายโครงการไปยังพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวขนาดใหญ่ เพื่อสร้างผลลัพธ์ในภาพใหญ่อีก 3 จังหวัด ได้แก่ กำแพงเพชร ลพบุรี และนครราชสีมา
ทั้งนี้ ธ.ก.ส.และ GIZ ยังได้หารือร่วมกันว่าช่วงที่โครงการดำเนินการใกล้แล้วเสร็จจะมีการประเมินร่วมกันอีกครั้งว่าผลของโครงการเป็นอย่างไร และก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไรบ้าง ช่วงนี้จึงเน้นสนับสนุนให้เกษตรกรได้เรียนรู้เทคโนโลยีที่เข้ามาช่วยลดโลกร้อนก่อน อีกทั้ง ยังตระหนักให้เกษตรกรรู้ถึงการนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้ เพื่อช่วยลดต้นทุนในการผลิตด้วย ซึ่งจะเป็นการสร้างการยอมรับในภาพใหญ่มากยิ่งขึ้น
นายวิชัย กล่าวอีกว่า สำหรับโครงการไทย ไรซ์ นามา จะเป็นการสร้างแรงจูงใจและสนับสนุนให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนมาผลิตข้าวแบบใหม่โดยใช้ 4 เทคโนโลยี ได้แก่ การปรับหน้าดินด้วยระบบเลเซอร์ การทำนาระบบแห้งสลับเปียก การใช้ปุ๋ยสั่งตัด และลดการเผาฟางข้าวและตอซัง ซึ่งกรรมวิธีการปลูกสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ 30% เมื่อเทียบกับวิธีทำนาปกติ และยังช่วยเพิ่มผลผลิต ข้าวมีคุณภาพมากขึ้น ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น
สำหรับ ธ.ก.ส. เองมีส่วนร่วมเป็นตัวกลางในการจ่ายเงินกู้ให้กับลูกค้าเกษตรกร โดยมีแพ็กเกจ 2 รูปแบบ ได้แก่ แพ็กเกจ 1 สำหรับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถเลือกสมัคร หากได้รับการอนุมัติ จะได้รับเงินอุดหนุน 50% พร้อมกับ เงินทุนหมุนเวียนอีก 50% รวมสูงสุดไม่เกิน 2,000 บาทต่อไร่ และแพ็คเกจ 2 สำหรับผู้ให้บริการทางการเกษตร เพื่อจัดซื้อชุดอุปกรณ์ปรับหน้าดินด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Land Levelling: LLL) โดยให้ เงินอุดหนุนถึง 50% ของราคาชุดอุปกรณ์แต่ไม่เกิน 200,000 บาทต่อราย
“LLL เป็นเครื่องจักรที่ใช้ติดกับรถไถขนาดใหญ่ จะมีเครื่องที่เป็นเครื่องเลเซอร์วัดระดับที่ดิน แล้วจะต้องปรับหน้าดินให้เท่ากัน เช่น ที่สูงก็จะมีการไถดินออก ส่วนตรงที่เป็นดินลึกเข้าไปก็จะนำดินจากส่วนที่สูงมากลบ เพื่อลดปัญหานํ้าท่วมขลัง ให้พื้นที่แปลงใหญ่มีระนาบเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้มีการลงไปเก็บข้อมูลกลุ่มตัวอย่าง ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จ.สุพรรณบุรี ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่ายลง เช่น การลดค่าใช้จ่ายการสูบนํ้าเข้านา เพราะการใช้เทคโนโลยี LLL ช่วยทำให้พื้นที่ราบเรียบ ปัญหาเรื่องระดับนํ้าไม่เท่ากันก็ลดลง เป็นต้น แน่นอนว่าผลผลิตอาจจะไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่เป็นสิ่งที่เข้ามาช่วยลดต้นทุน และเมื่อต้นทุนลด ก็ทำให้ส่วนที่เป็นกำไรของเกษตรกรเพิ่มขึ้น”นายวิชัย กล่าว
ปัจจุบันมีเกษตรกรจากพื้นที่ 6 จังหวัดนำร่องเข้ามาร่วมโครงการ และขอสินเชื่อแล้วกว่า 255 ราย จำนวนพื้นที่ 3,749 ไร่ คิดเป็นวงเงิน 7.3 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการจะนำวงเงินไปพัฒนาปรับปรุงพื้นที่
ผลสำเร็จจากโครงการดังกล่าว ในช่วงปี พ.ศ. 2561-2564 ที่ผ่านมา มีเกษตรกรได้รับประโยชน์จากโครงการกว่า 25,000 คน สามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกจากนาข้าวได้กว่า 305,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า
การทำนาข้าว ถือเป็นกิจกรรมการเกษตรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงถึง 55% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรมของประเทศไทย และสูงเป็นอันดับ 4 ของโลกเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ขณะที่การขังนํ้าในนาข้าวในพื้นที่เขตนาชลประทาน ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งมีศักยภาพการก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนมากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 28 เท่า
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.