'รังสิมันต์ โรม'ผิดหวังเกินรับไหวปม'ช่อ พรรณิการ์'ถูกตัดสิทธิการเมือง
นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีศาลฎีกาพิพากษาถอนสิทธิลงสมัครรับเลือก นางสาวพรรณิการ์ วาณิชและห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต ต้องบอกว่านี่คือโทษประหารชีวิตทางการเมือง เป็นเรื่องที่ยากที่จะรับได้ ส่วนตัวคิดว่ารุนแรงมาก ยากเกินจะรับไหว หากตัดสินว่ามีความผิดทางอาญามาก่อนแล้วมาดำเนินคดีจริยธรรมต่อก็ยังพอเข้าใจได้
"อยากจะเรียกร้องไปถึงคนที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมว่าอย่านิ่งนอนใจกับเรื่องนี้ แม้คนที่ไม่เห็นด้วยกับนางสาวพรรณิการ์ หลายอย่างก็ยังออกมาแสดงความคิดเห็นซึ่งเคยร้องไปยังคณะกรรมการศาลยุติธรรมว่ามีผู้พิพากษาทำผิดพฤติกรรมร้ายแรง จนถึงวันนี้ก็ยังไม่คืบหน้าข้อหาที่ร้องไปรุนแรงกว่าตั้งเยอะ อะไรคือมาตรฐาน อะไรคือความเป็นธรรม หรือสุดท้ายเป็นเพราะพรรคก้าวไกล เป็นเพราะคุณช่อเป็นอดีตพรรคอนาคตใหม่ เลยอาจทำให้มีการดำเนินการที่รุนแรงขนาดนี้“นายรังสิมันต์ กล่าว
เมื่อถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า แสดงอาการตัดพ้อ พรรคก้าวไกลไร้น้ำใจ ไม่แสดงความเห็น เงียบกริบ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราเองก็รู้สึก กับสิ่งที่เกิดขึ้น กับนางสาวพรรณิการ์มากๆและเราเองก็คิดว่า ได้มีการแสดงความรู้สึกผ่านช่องทางที่แตกต่างกันไปเข้าใจจุดประสงค์ของนายปิยบุตรว่านายปิยบุตรอาจจะทุกข์ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เราก็เคยผ่านสนามรบกัน เราเองก็เคยผ่านปรากฎการณ์แบบนั้น หลังจากทราบข่าวได้โทรศัพท์ไปคุยกับนางสาวพรรณิการ์ก็เข้าใจว่าเป็นอะไรที่รุนแรงมากๆ และคิดว่าสิทธิการลงรับสมัครเลือกตั้งเป็นสิทธิ์รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญไม่ควรตัดสิทธิ์กันง่ายๆแบบนี้
เมื่อถามว่าอาจมีคนอื่นในพรรคก้าวไกลโดนคดีในลักษณะนี้อีกจะมีการป้องกันอย่างไร นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ป้องกันยากเนื่องจากจริยธรรมไม่ได้เขียนกันแบบชัดเจน หากเปรียบเทียบกับคดีอาญาฆ่าคนตาย จะมีโทษชัดเจนว่ามีพฤติกรรมอย่างไร แต่จริยธรรมเป็นนามธรรมเป็นลักษณะของการเปิดช่องการใช้อำนาจของผู้มีอำนาจให้ทำการใดๆก็ได้
ดังนั้นมาตรฐานหรือหลักปฎิบัติที่ชัดเจนมีได้ยากมากสุดท้ายศาลหรือองค์กรที่มีอำนาจก็ต้องใช้ดุลยพินิจของตัวเองไปเรื่อยๆ ขัดกับหลักวิญญูชนสังคมไทยจะอยู่อย่างไร กลายเป็นว่านักการเมืองมีโอกาสโดนสอยได้ตลอดเวลา ในทางตรงกันข้าม เราเปิดโปงข้าราชการมา 5 ปีทุกวันนี้ทุกคนยังอยู่สุขสบาย
“อะไรคือความเป็นธรรมต่อพวกเรา พวกคุณอาจไม่เห็นด้วยกับพรรคก้าวไกลบางเรื่อง อาจจะเกลียดพรรคก้าวไกลหลายเรื่อง แต่พูดกันตรงๆ คุณจะใช้อำนาจทุกวิธีทางโดยไม่สนใจว่า คุณธรรมทางกฎหมาย หลักการทางกฎหมายเป็นอย่างไรคุ้มจริงหรือไม่กับการทำแบบนี้ สงสัยคงต้องปิดเฟซบุ๊กกันหมด“
นายรังสิมันต์ ระบุต่อว่า เข้าใจว่าแต่ละคนเคยโพสต์เรื่องราวอะไรไว้บ้าง ตอนนั้นความรู้สึกนึกคิดการเติบโตเป็นอย่างไร วุฒิภาวะและบทบาทของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนโพสต์แล้วก็ลืม มาเจอทีหลังก็มี มันไม่มีกฎหมายบอกให้ลบ ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่คือการทำให้เราไม่มีมาตรฐานอะไรมาก่อน และไปใช้ข้อกล่าวหาที่รุนแรงมากๆ มาสร้างมาตรฐานโดยเอาชีวิตคนมาเป็นมาตรฐานคิดว่าไม่แฟร์มากๆ
เมื่อถามว่าการโพสต์พาดพิงถึงสถาบันจะต้องมีการระวังมากขึ้นหรือไม่เพราะอาจจะโดนอีก นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ก็ยอมรับมีโอกาสที่จะเป็นแบบนั้น ตนไม่สามารถบอกได้ว่ามาตรฐานอยู่ตรงไหน หวังว่าคนที่อยู่ในศาลถ้าได้ยินสิ่งที่ตนพูดเราไม่มีเจตนาร้ายอะไร ดังนั้นสิ่งที่พวกคุณกังวลหรือกลัวมันไม่มีทางเกิดขึ้นและข้อโจมตีต่างๆคิดว่าไม่เป็นธรรม สำหรับใครหลายคนเอาเขาไปขังยังรุนแรงน้อยกว่า ตัดสิทธิ์รับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิตด้วยซ้ำไป
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.