สว.สมชายชี้ทักษิณได้ลดโทษเหลือ1ปีไม่ควรขอสิทธิใดเพิ่มอีก

นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภาและประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา กล่าวว่า กรณีกรมราชทัณฑ์แถลงว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี  เข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษกรณีพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ต้องขังเด็ดขาดชั้นกลาง สูงวัย และมีอาการเจ็บป่วยร้ายแรงว่า กรมราชทัณฑ์ต้องยึด พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ มาตรา 52(7)กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการพักโทษว่า จะต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด รับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 เช่น ในกรณีของนายทักษิณ โทษจำคุก 1 ปี รับโทษ 1 ใน 3 คือ 4 เดือน จะต้องยึดหลักรับโทษ 6 เดือน จึงจะมีสิทธิ์ขอพักโทษได้ และมีความประพฤติดี ช่วยเหลือราชการเป็นพิเศษ ซึ่งก็ต้องดูว่านายทักษิณเข้าเงื่อนไขนี้หรือไม่  

นายสมชาย ยังเห็นว่า การแถลงของฝ่ายการเมืองในกระทรวงยุติธรรม ยังไม่ชัดเจนว่า เป็นการพักโทษพิเศษหรือไม่ แต่ยืนยันว่า จะต้องยึดพระราชบัญญัติราชทัณฑ์เป็นหลัก รวมถึงสถานที่คุมขังจะต้องพิจารณาว่า “บ้านพัก”เข้าหลักเกณฑ์เป็นสถานที่คุมขังหรือไม่ ซึ่งกฎกระทรวงเมื่อปี 2563 ไม่ได้มีเจตนาให้ผู้ต้องขังกลับไปอยู่บ้านแต่ต้องการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ต้องขัง ที่มีโทษน้อย และต้องออกไปบำเพ็ญประโยชน์นอกเรือนจำ จึงแก้กฎกระทรวงให้สามารถนำตัวไปควบคุมในแฟลต หรือ อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งเป็นสถานที่ปิด ลักษณะคล้ายคล้ายเรือนจำ มีผู้คุมดูแล ซึ่งจะเป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งหมด 
 

"ต้องดูว่าระเบียบกรมราชทัณฑ์ที่เพิ่งออกมาเมื่อปี 2566 จะมีการบิดไปจากเจตนาของกฎกระทรวงหรือไม่รวมถึงการพักโทษเป็นกรณีพิเศษหมายความว่าอย่างไร และจะต้องไม่ลืมว่านายทักษิณได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมยอมรับผิดและขอรับโทษตามขั้นตอนซึ่งศาลได้ตัดสินจำคุก 8 ปี ก่อนได้รับพระราชทานลดโทษเหลือ 1 ปี ซึ่งควรจะเดินไปตามกระบวนการยุติธรรมปกติไม่ควรขอสิทธิ์ใดๆเพิ่มเติมอีก" 

นายสมชาย กล่าวย้ำว่า พระราชบัญญัติกรมราชทัณฑ์ 2560 มาตรา 52(7) ชัดเจนมากว่า ก่อนจำคุกครบ 6 เดือนไม่สามารถทำได้ และระเบียบที่ฝ่ายการเมือง และกรมราชทัณฑ์พยายามจะอ้าง ก็ไม่ได้มีเจตนารมย์ให้กลับไปจำคุกที่บ้าน จึงขอให้ฝ่ายการเมือง และกรมราชทัณฑ์ ยึดหลักกฎหมายให้ดี อย่าทำให้เกิดวิกฤติศรัทธา เพราะเมื่อศาลพิพากษาลงโทษแล้ว ก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการที่ถูกต้อง ซึ่งการที่ฝ่ายการเมืองออกมาแถลงแบบนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ต้องการดำเนินการเป็นพิเศษที่มากกว่าหลักเกณฑ์ปกติ จึงขอให้ระมัดระวังด้วย

สิ่งที่ดีที่สุด คือ เมื่อนายทักษิณรักษาตัวหายแล้ว ควรเข้าสู่ระบบโดยการกลับไปพักฟื้นที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อรอการพักโทษตามกฎหมาย เมื่อครบ 6 เดือน ก็เชื่อว่าสังคมรับได้จึงขอฝากว่าอย่าพยายามเขียนระเบียบที่จะทำให้กระบวนการยุติธรรมบิดเบือนและขอให้เดินไปตามกรอบหากมีใครช่วยเหลือนายทักษิณด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง ก็จะต้องมีผู้ติดคุกแทน

เมื่อถามว่าหากในอนาคตมีการบิดเบือนเจตนารมณ์กฎหมายจริง จะมีช่องทางร้องเรียนเอาผิดผู้เกี่ยวข้องอย่างไรได้หรือไม่นั้น นายสมชาย ชี้แจงว่า สามารถร้องเรียนไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ กรรมการ ป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินได้ โดยกรรมาธิการของสภาที่เกี่ยวข้อง มีบันทึกการประชุม ที่พร้อมใช้เป็นหลักฐานยืนยันเจตนารมณ์ของกฎหมาย เมื่อการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ

 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.