ยูนิเซฟปล่อยแคมเปญ #CountMeIn “โลกรวน เด็กเดือดร้อน รับฟังเสียงเด็ก”

ยูนิเซฟ ประเทศไทย เปิดตัว แคมเปญ #CountMeIn “โลกรวน เด็กเดือดร้อน รับฟังเสียงเด็ก” เพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อเด็กและเยาวชน โดยธีมของแคมเปญ "เสียงของเด็ก เล่าจากเด็ก ลงมือทำโดยเด็ก" เน้นย้ำถึงความสำคัญในการรับฟังเสียงของเด็กและเยาวชนเมื่อโลกเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ

แคมเปญ #CountMeIn ได้จัดทำชุดเรื่องราวภาพถ่ายที่สะท้อนประสบการณ์ของเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทยล่าสุด โดยเผยให้เห็นถึงความท้าทายที่เด็ก ๆ ต้องเผชิญในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากนี้ แคมเปญยังเปิดพื้นที่ให้เด็กและเยาวชนบอกเล่า เรื่องราวชีวิตจริงของพวกเขา ผ่านสิ่งสำคัญในชีวิตที่หายไปจากผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ เช่น เยาวชนในจังหวัดเชียงใหม่ที่ต้องสูญเสียแม่จากโรคมะเร็งปอด ซึ่งเป็นผลมาจากมลพิษทางอากาศ PM2.5 ที่เลวร้ายลง หรือเด็กในชุมชนขุนสมุทรจีน จังหวัดสมุทรปราการ ที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียบ้านถึงสามครั้งจากพายุที่รุนแรงขึ้น ขณะเดียวกัน เยาวชนที่สนใจในการถ่ายภาพสัตว์ป่าได้สังเกตเห็นการสูญหายและลดลงของชนิดพันธุ์สัตว์ป่า ในขณะที่เด็กชายจากจังหวัดยะลาต้องสูญเสียอุปกรณ์การเรียนและชุดนักเรียนและที่ถูกน้ำท่วมพัดหายไปเมื่อปีที่แล้ว

อลิสา ผลไธสง วัย 19 ปี นักกิจกรรมในชุมชนขุนสมุทรจีน ซึ่งย้ายบ้านมาแล้ว 3 ครั้งจากพายุ กล่าวว่า "สภาพอากาศในปัจจุบันดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันรู้สึกเหมือนครอบครัวของเราต้องทำงานหาเงินเพื่อเตรียมพร้อมที่จะสร้างบ้านใหม่ไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าภัยธรรมชาติจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่"

อลิสาเติบโตในชุมชนชายฝั่งที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง เช่นเดียวกับพ่อแม่ของเธอ เธอได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและสุดขั้ว การกัดเซาะในชุมชนขุนสมุทรจีนได้กลืนที่ดินไปถึงหนึ่งกิโลเมตรและทำให้หลายครอบครัวไม่สามารถอยู่อาศัยได้เนื่องจากน้ำท่วมบ่อยครั้งและรุนแรง "หนูไม่แน่ใจว่าลูกสาวของหนูจะสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้หรือเปล่าเมื่อเธอโตขึ้น"

นางคยองซอน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการแก้ปัญหา โดยกล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศส่งผลกระทบต่อชีวิตเด็กในทุกด้าน แต่เสียงของพวกเขากลับเป็นสิ่งที่ได้ยินน้อยที่สุด แคมเปญ #CountMeIn ไม่เพียงแค่สร้างความตระหนักถึงผลกระทบของวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่มีต่อเด็ก ๆ เท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นที่จะทำให้มุมมองของเด็ก ๆ ถูกรับฟังและเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศ เราต้องไม่ลืมว่าอนาคตที่เรากำลังสร้างนั้นเป็นของพวกเขา และเป็นความรับผิดชอบของเราที่จะทำให้เด็กและเยาวชนเข้ามามีบทบาทในการแก้ปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศด้วยเช่นกัน”

เมื่อเดือนที่แล้ว ยูนิเซฟร่วมกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมและภาคีเครือข่าย เปิดตัว 'คู่มือกิจกรรมสิ่งแวดล้อมศึกษา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ” ซึ่งเป็นข้อมูลที่เข้าใจง่ายและมีกิจกรรมสำหรับครูและนักเรียนในการเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คู่มือ ABC นี้จะถูกแจกจ่ายไปยังโรงเรียนทั่วประเทศไทย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพคืออะไร ส่งผลกระทบต่อโลกอย่างไร และพวกเขาสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม

แคมเปญ #CountMeIn นี้ยังมีเซเลปบริตี้และอินฟลูเอนเซอร์มากมายมาร่วมกิจกรรม เช่น พอลล่า เทย์เลอร์ Friend of UNICEF ได้ทำวิดีโอสั้นพูดคุยกับลูก ๆ ของเธอถึงความสำคัญของอากาศสะอาดและท้องฟ้าสดใส ในขณะที่อินฟลูเอนเซอร์ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ใบตอง จรีรัตน์ เพชรโสม และก้อง กรีนกรีน ก็ได้ลงพื้นที่กับยูนิเซฟเพื่อรับฟังเสียงของเด็ก ๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตสภาพภูมิอากาศในจังหวัดขอนแก่นและสมุทรปราการ

ในเดือนกันยายนนี้ แคมเปญ #CountMeIn จะมีการจัดทำโพลเพื่อสำรวจความคิดเห็น ความต้องการ และคำแนะนำของเด็กและเยาวชนทั่วประเทศเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และจะมีการจัดประชุมหารือกับเยาวชน ซึ่งนำโดยคณะกรรมการที่ปรึกษาเยาวชนของยูนิเซฟ เพื่อจัดทำข้อเสนอแนะของเยาวชนเพื่อนำเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมก่อนการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 หรือ COP29 จะจัดขึ้นประเทศอาเซอร์ไบจานในเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยูนิเซฟยังสนับสนุนให้ตัวแทนเยาวชนเข้าร่วมการประชุม COP29 เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีบทบาทสำคัญในการพูดคุยเกี่ยวกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และให้ผู้ใหญ่หันมารับฟังและรวมเด็ก ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการแก้ปัญหานี้

"เราหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบระยะสั้นและระยะยาวของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อเด็กและเยาวชน” สิปโปทัย เกตุจินดา วัย 23 ปี หนึ่งในตัวแทนเยาวชนไทยที่จะเดินทางไปร่วมประชุม COP29 กล่าว “แม้ว่าเด็กและเยาวชนจะเป็นผู้ที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ารุ่นผู้ใหญ่ แต่พวกเขาจำเป็นต้องมีส่วนร่วมและได้รับการสนับสนุนในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศด้วย เพราะพวกเขามีทั้งพลังกาย พลังใจ และสามารถมองเห็นวิธีแก้ไขปัญหาเก่า ๆ ในมุมมองใหม่ ๆ ได้"

หมายเหตุถึงบรรณาธิการ:

เด็กมีความเปราะบางเป็นพิเศษต่อภัยพิบัติทางสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันและระบบประสาทของพวกเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา และพวกเขาพึ่งพาผู้ใหญ่ในการปกป้องและดูแล สถิติบางส่วนเหล่านี้สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหา

  • ทุกปีมีเด็ก 40 ล้านคนทั่วโลก ต้องขาดเรียนหรือหยุดเรียนเนื่องจากภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
  • ทุก ๆ 1 องศาเซลเซียสที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
  • ในปี 2564 มลพิษทางอากาศทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ล้านคนทั่วโลก และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงอันดับ 2 ของการเสียชีวิตทั่วโลก รวมถึงในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี โดยในแต่ละวัน มีเด็กอายุน้อยกว่า 5 ปีเกือบ 2,000 คนเสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศ เช่น PM 2.5
  • ปัจจุบันเด็กกว่า 500 ล้านคนทั่วโลกกำลังเผชิญกับคลื่นความร้อนถี่ขึ้น โดยจะเพิ่มเป็น 2 พันล้านคนในปี 2593
  • ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 50 จาก 163 ประเทศที่เด็กมีความเสี่ยงสูงสุดต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี 2563 เด็กไทย 3 ใน 4 คน หรือราว 3 ล้านคนเผชิญกับคลื่นความร้อนถี่ขึ้น และหากไม่มีการดำเนินการใด ๆ เด็กแทบทุกคนในประเทศไทยจะต้องเผชิญกับคลื่นความร้อนถี่ขึ้นและยาวนานขึ้นในปี 2593
  • จากเงินทุนทั่วโลกด้านการจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ มีแค่เพียงร้อยละ 4 เท่านั้น ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่มุ่งตอบสนองความต้องการของเด็ก
  • ยูนิเซฟทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เรียกร้องให้รัฐบาล ภาคธุรกิจ และผู้มีอำนาจตัดสินใจเร่งปกป้องเด็ก ๆ จากวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น โดยปรับบริการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของเด็ก และเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ สามารถใช้ชีวิตในสภาวะของโลกที่เปลี่ยนไป ตลอดจนจัดสรรงบประมาณในการแก้ปัญหาด้านนี้ที่ให้ความสำคัญกับเด็ก

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.