แผลเป็น แผลผ่าตัดจัดการยังไงดี? 5 วิธีนี้ดูแลไม่ให้เกิดรอยแผลเป็นได้

หลังการผ่าตัด หลาย ๆ คนอาจมีรอยแผลเป็นหลงเหลืออยู่ ซึ่งแผลเป็นเหล่านี้เกิดขึ้นจากมวลของเซลล์ และคอลลาเจนใต้ผิว อาจทำให้เกิดอาการปวดและเคลื่อนไหวได้จำกัด หากเนื้อเยื่อแผลหนาขึ้นก็อาจกลายเป็นรอยแผลไปอีกยาวนาน แต่การรักษาแผลเป็น สามารถทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะรักษาแผลสดหรือแผลเป็นเก่าก็ตาม ซึ่งรวมถึงการดูแลตัวเองที่บ้าน การกายภาพบำบัด และการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ เพื่อการฟื้นฟู แต่ละวิธีได้รับการออกแบบมา เพื่อลดหรือขจัดรอยแผลเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เราจึงขอแนะนำ 5 วิธีดูแลแผลเป็นไม่ให้กลายเป็นรอยกวนใจ สาวๆ สามารถทำตามได้ดังนี้ค่ะ

5 วิธีดูแลแผลเป็นไม่ให้กลายเป็นรอยกวนใจ

1.Apple Cider

ผสมน้ำสะอาด 2-3 ช้อนโต๊ะกับน้ำส้มสายชูหมักจากแอปเปิ้ล หรือ Apple Cider 1 ช้อนโต๊ะ จุ่มสำลีก้อนลงในส่วนผสมแล้ววางไว้บนบริเวณที่เป็นแผล คลุมด้วยพลาสติกเกรดทางการแพทย์ หรือเทปกาว เพื่อป้องกันไม่ให้เคลื่อนย้าย ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นล้างออกและทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

2.ใช้น้ำมะนาว

ผสมน้ำมะนาวกับน้ำสะอาด โดยใช้น้ำมะนาวครึ่งช้อนโต๊ะ และน้ำเปล่า 2-3 ช้อนโต๊ะ ทาและทิ้งไว้บนผิวสักครู่ ก่อนล้างออก คุณสมบัติที่เป็นกรดของน้ำผลไม้ จะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว พร้อมลดรอยแดงหรือความแข็งของรอยแผลเป็นได้ดีมาก

3.ดื่มน้ำให้เพียงพออยู่เสมอ

การดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอ สามารถช่วยให้ผิวของคุณชุ่มชื้น และมีสุขภาพดีได้ สิ่งสำคัญคือต้องติดตามปริมาณน้ำในแต่ละวัน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถตอบสนองความต้องการของร่างกายได้ นอกจากนี้ ยังช่วยในกระบวนการสมานแผลหรือรอยแผลเป็นอีกด้วย จดบันทึกปริมาณน้ำที่คุณดื่ม และให้แน่ใจว่าเพียงพอ

4.ใช้ว่านหางจระเข้

ลอกผิวสีเขียวของใบว่านหางจระเข้ออก แล้วดึงเจลออกมา ทำความสะอาดแผล แล้วทาเจลใสลงบนแผลเบา ๆ ทำซ้ำขั้นตอนนี้วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น โดยนวดเจลเบา ๆ เป็นวงกลม ล้างเจลออกด้วยน้ำเย็น หลังจากผ่านไปประมาณ 30 นาที หากไม่มีใบว่านหางจระเข้สด ก็สามารถใช้ผลิตภัณฑ์ว่านหางจระเข้แทนได้

5.ใช้วิตามินอี

วิตามินอีหรือที่เรียกว่าโทโคฟีรอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายได้ในไขมัน ซึ่งมีทั้งในรูปแบบแคปซูลและของเหลว หาซื้อได้ตามร้านขายยา ร้านขายอาหารเพื่อสุขภาพ ร้านขายอาหารเสริม และร้านค้าปลีกออนไลน์ น้ำมันวิตามินอี มักใช้กับบาดแผล เนื่องจากวิตามินถูกดูดซึมผ่านผิวหนัง เพื่อช่วยลดการก่อตัวของอนุมูลอิสระ ที่อาจขัดขวางกระบวนการสมานแผล นอกจากนี้ วิตามินอียังมีบทบาทสำคัญในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและยืดหยุ่น

แม้ว่าการลบรอยแผลเป็นจะมีหลายวิธี แต่สิ่งสำคัญคือต้องเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุด เพื่อกำจัดรอยแผลเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ และส่งเสริมการรักษาที่ดี การกำจัดรอยแผลเป็นด้วยเลเซอร์ ยังถือเป็นทางเลือกการรักษาที่มีประสิทธิภาพสูง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่ไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อรับการรักษาที่ดีที่สุด