WINDOW ปิดเทรดวันแรก 1.27 บาท ต่ำจอง 39.52%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (25 ต.ค.2566) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดธุรกิจวัสดุก่อสร้าง
โดยเปิดซื้อขายที่ราคา 2.84 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.74 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 35.24% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.10 บาท ระหว่างวันปรับตัวขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ 2.86 บาท ปรับตัวต่ำสุดที่ 1.18 บาท และปิดซื้อขายที่ราคา 1.27 บาท ปรับลดลง 0.83 บาท หรือคิดเป็นลดลง 39.52% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,569.98 ล้านบาท
นายธนินทร์ รัตนศิริวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วินโดว์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ WINDOW เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ เสริมสร้างภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือให้กับ WINDOW เพราะการเข้าจดทะเบียนต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์และมาตรฐานต่างๆ รวมทั้งมีการเปิดเผยข้อมูลที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ ทำให้ WINDOW รวมถึงผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น ส่งผลเชิงบวกทำให้เกิดการเป็นที่รู้จักในแวดวงธุรกิจมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสในการหาและเข้าร่วมลงทุนจากพันธมิตรทางธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งจะสนับสนุนการขยายตัวและเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจ
ขณะเดียวกัน ยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น รวมถึงมีโอกาสการเข้าไปรับทำโครงการให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น เช่น การรับงานโครงการภาครัฐ โดยคาดว่าช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้สำหรับ 1. ลงทุนก่อสร้างอาคารโรงงานใหม่ และจัดซื้อเครื่องจักร และเครื่องมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต เพิ่มพื้นที่ในการผลิตงานทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ประเภทอลูมิเนียมและยูพีวีซี เพิ่มพื้นที่จัดเก็บสินค้าสำเร็จรูป และเพิ่มพื้นที่ในการจัดเตรียมงานจัดส่งสินค้า สำหรับรองรับการขยายตัวทางธุรกิจของบริษัทในอนาคต 2. ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ 3. ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ
โดยเงินระดมทุนครั้งนี้ จะสนับสนุนให้ WINDOW เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มั่นคง และได้รับความเชื่อมั่นและความไว้วางใจ และพร้อมสร้างผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต
นายธนินทร์ กล่าวยืนยันว่า ไม่คิดขายหุ้นทิ้งอย่างแน่นอน พร้อมกอดหุ้นอย่างเหนียวแน่น เนื่องจากธุรกิจมีโอกาสเติบโตได้อีกยาวไกล โดยคาดผลการดำเนินงานในปี 2566 รายได้จะทำจุดสูงสุดใหม่ (New High) หลังตัวเลขงบการเงินสดใส
รวมถึงมองโอกาสในการขยายธุรกิจจากการเข้าควบรวมหรือซื้อกิจการคู่แข่ง (Merger and Acquisition) ซึ่งจะสามารถเพิ่มความหลากหลายทางธุรกิจและอาจเป็นการขยายตลาดเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่หรือตลาดใหม่ อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) และเป็นการลดจำนวนคู่แข่งในตลาดอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะอยู่ในเป้าหมายและแผนธุรกิจ ซึ่งคาดว่าดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 3 ปีข้างหน้า ดังนั้นขอให้นักลงทุนมั่นใจในพื้นฐานของบริษัท
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.