1400 ขีดสุดรอบสั้น! หุ้นไทยร่วงทำนิวโลว์ พรุ่งนี้จับตาค่ารถไฟฟ้า 20 บ.
ดัชนีตลาดหุ้นไทย ปิดการซื้อขายวันนี้(9 ต.ค.66) อยู่ที่ 1,431.72 จุด ลดลง 6.73 จุด คิดเป็น -0.47% มูลค่าการซื้อขาย 47,477.84 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับขึ้นสูงสุด 1,435.79 จุด และลดลงต่ำสุด 1,423.17 จุด
5 หุ้นซื้อขายสูงสุด ดังนี้
1. PTTEP ปิดที่ 168.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,130.83 ลบ.
2. JMT ปิดที่ 42 บาท ลดลง 4.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,227.35 ลบ.
3. DELTA ปิดที่ 79 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,846.57 ลบ.
4. BANPU ปิดที่ 7.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,248.19 ลบ.
5. JMART ปิดที่ 22 บาท ลดลง 1.30 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,154.37 ลบ.
1400-1420 น่าช้อป
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยทางเทคนิค บล.ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยวันนี้(9 ต.ค. 66) ปรับตัวลงทำ Low ใหม่ของรอบ ตอกย้ำทิศทางเชิงลบในช่วงนี้ แต่ประเมิน Downside ค่อนข้างจำกัด สามารถลุ้นการเกิด Bottom ในระยะสั้น แนวรับ 1,420 จุด และแนวรับถัดไปที่ 1,400 จุด ส่วนแนวต้าน 1,465 / 1,500 จุด กลยุทธ์ทยอยสะสมเหนือฐานแนวรับ 1400 จุด
"ตลาดตอนนี้เน้นเล่นรอบ เด้งระยะสั้น แต่ต้องยอมรับว่ารอบหลักใหญ่เทรนด์ยังไม่ดี นักลงทุนที่ค่อนข้างกัวลรอดัชนีกลับมายืน 1430 จุดก่อนค่อยลงทุน หรือรอสร้างฐานแน่นก่อนได้เช่นกัน"
ไฮไลท์สำคัญสัปดาห์นี้แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนกันยายน ซึ่งจะรายงานในวันที่ 12 ต.ค.66 คาดเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) จะชะลอสู่ระดับ +3.6% จาก +3.7% ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) คาดลงสู่ +4.1% y-y จาก +4.3% y-y ซึ่งหากออกมาใกล้เคียง หรือ ต่ำกว่าที่ตลาดคาด จะเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อตลาดหุ้นมากยิ่งขึ้น โดยจังหวะย่อเป็นโอกาสสะสม
เกาะติด ครม.
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า พรุ่งนี้(10 ต.ค.66) ติดตามการประชุม ครม. ซึ่งจะพิจารณาปรับลดค่าโดยสารเหลือ 20 บาทตลอดสาย นำร่องที่รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วง มองแนวรับ 1,420 จุด แนวต้าน 1,435 จุด
แกว่งแคบ 1,410-1,460 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ภาพรวมผันผวนตลาดยังมีความเสี่ยงทางลง ในกรอบ SET Index สัปดาห์นี้(วันนี้ 9-12 ต.ค.66) ที่ 1,410 - 1,460 จุด แม้ดัชนีจะลดลงอยู่ในโซน Oversold แต่มีปัจจัยกดดันจากภายนอกทําให้ความเสี่ยงขาลงยังไม่หมด
โดยปัจจัยที่จะต้องจับตาและมีผลกับตลาดในสัปดาห์นี้คือ เหตุการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง แม้สถิติในอดีตความรุนแรงในอิสราเอลจะมีผลต่อการซื้อขายในตลาดหุ้นจํากัดเนื่องจาก อิสราเอล เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจไม่ได้ใหญ่มาก มีกําลังการผลิตนํ้ามันเพียงเล็กน้อย และมีภาคการค้ากับไทยค่อนข้างจํากัด แต่เรายังประมาทไม่ได้ เพราะหากสงครามขยายวงกว้างไปสู่กลุ่มประเทศอาหรับอื่นๆ จะกดดันให้ราคานํ้ามันดิบพุ่งแรงกลายเป็นวิกฤติพลังงาน เงินเฟ้อสูง และ กระทบเศรษฐกิจโลกอย่างเลี่ยงไม่ได้
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้ คือ 1)เฟดเปิดเผยรายงานการประชุม (FED Minutes) คาดกรรมการส่วนใหญ่จะยังหนุนให้เฟดขึ้นดอกเบี้ยแต่เราให้นํ้าหนักเป็นกลางเนื่องจากเป็นสิ่งที่ตลาดรับรูปอยู่แล้ว, 2) สหรัฐรายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) เดือน ก.ย. ซึ่งจะเป็นตัวกําหนดทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในช่วงปลายปีนี้
กลยุทธ์การลงทุน ยังต้องระมัดระวังการลงทุนหากดัชนีปรับลงจากเหตุการณ์รุนแรงในตะวันออกกลางยังมองเป็นโอกาสเข้าซื้อให้แนวรับสําคัญ 1,410 จุด หุ้นที่น่าสนใจสัปดาห์นี้ คือ กลุ่มพลังงาน, โรงพยาบาล และ กลุ่มอาหาร
โดยมี Top Pick สัปดาห์นี้คือ หุ้น CHG แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.50 บาท คาดมีกําไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ที่ 243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18%qoq จากแรงหนุนของจํานวนผู้ป่วยในประเทศที่สูงขึ้นตามการแพร่ระบาดของโรคต่างๆ อาทิ ไข้เลือดออก, ไข้หวัดใหญ และมือเท้าปากในเด็ก
หุ้น PTTEP แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 196 บาท ราคาหุ้นผ่านการปรับฐานตามราคานํ้ามันมาแล้ว สัปดาห์นี้คาดจะเห็นการฟื้นตัวทั้งราคานํ้ามันและราคาหุ้นของ PTTEP นอกจากนี้ยังมีประเด็นความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางช่วยหนุน Sentiment
และ หุ้น SAPPE แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 119.40 บาท คาดกําไรสุทธิทํา All time high ในไตรมาส 3/66 ที่ 337 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2%qoq และ 65%yoy จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และ ได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบเม็ดพลาสติก HDPE ที่ยังอยู่ในระดับตํ่า
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.