คลัง ชงครม.เคาะมาตรการกระตุ้นอสังหา 5.5 หมื่นล้าน สัปดาห์หน้า

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลต้องการสนับสนุนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้มีความต่อเนื่อง โดยรองรับความต้องการมีบ้านของประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงสินเชื่อต่ำ และสามารถใช้เพื่อซ่อมแซมต่อเดิมบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังจึงเตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการสินเชื่อ ซื้อ-แต่ง-ซ่อม-สร้าง บ้านและคอนโด ดอกเบี้ยต่ำ วงเงินรวม 55,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ ครม.พิจารณาได้ ในสัปดาห์หน้า

หากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯนี้ ผ่านมติ ครม. ทั้งหมดนี้ก็จะเป็นอีกฟันเฟืองหนึ่งของทางภาครัฐในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ส่งต่อความสดใสถึงต้นปีหน้า
 

      ส่วนมาตรการการโอน การจดจำนอง ที่จะสิ้นสุดอายุในสิ้นปี 2567 นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ส่วนมาตรการอื่นๆที่จะช่วยสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่มาตรการ LTV ต้องดูว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เห็นอย่างไร การผ่อนคลายจะได้หรือไม่ 

      นายพิชัย ยังกล่าวด้วยว่า ในวันพรุ่งนี้ (1 พ.ย.) จะหารือกับสมาคมธนาคารไทย ในการพิจารณามาตรการการแก้ไขหนี้ครัวเรือน โดยเฉพาะหนี้เสียบ้าน และหนี้เสียจากสินเชื่อรถยนต์ (กระบะ) ซึ่งเป็นเครื่องมือในการทำมาหากินของประชาชน

สิ่งที่ได้ทำมาตลอด ทั้งการกระตุ้นเศรษฐกิจ วันนี้ส่งผลแล้วว่าตลอดค่อยๆกลับมาสู่สภาวะปกติ ส่วนมาตรการต่างๆที่จะออกมาเพิ่มเติมนั้น แม้ว่าอาจไม่ได้ทำให้หนี้ลดลงมาก แต่สิ่งที่จะลดคือ ภาระของประชาชน ทั้งภาระดอกเบี้ย เช่น การพักดอกเบี้ย หรือ ยกดอกเบี้ยให้อย่างมีเงื่อนไข และการขยายเวลาการชำระหนี้ บุคคลธรรมดายืดอายุให้ถึง 80 ปี ส่วนข้าราชการสามารถยืดเวลาการผ่อนได้ถึง 85 ปี ซึ่งจะมีการคุยกับแบงก์เอกชนในวันพรุ่งนี้ หากไม่จบก็จะมีคุยกันต่อไป

      สำหรับมาตการกระตุ้นอสังหาฯ ดังกล่าว โดยสินเชื่อซื้อ-สร้าง ดอกเบี้ยพิเศษ 5 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือคอนโดมีเนียม ปลูกสร้างบ้าน หรือซื้อที่ดินพร้อมปลูกบ้าน และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อใช้ในการอยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 50,000 ล้านบาท

      ส่วนสินเชื่อซ่อม-แต่ง ดอกเบี้ยพิเศษ 3 ปี วงเงินกู้ไม่เกิน 1 แสนบาท เป็นสินเชื่อเพื่อต่อเติมหรือซ่อมแซมบ้าน หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย วงเงินสินเชื่อรวม 5,000 ล้านบาท