เศรษฐกิจใน-นอกทรงดี แต่หุ้นไทยแพง เน้นเก็งกำไรสั้น เคาะกรอบ 1,440-1,465 จุด

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.พาย ระบุว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 0.6% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มชิป รวมไปถึงคลายกังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดลบ 2.5% หลังจากสื่อรายงานว่าซาอุเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ธ.ค. เช่นเดียวกับสมาชิกรายอื่นๆ

     เมื่อคืนที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานตัวเลขเศรษฐกิจ ประกอบไปด้วย (1) คนขอรับสวัสดิการว่างงานที่จำนวน 2.18 แสนราย ดีกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 2.24 แสนรายและลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ 2.22 แสนราย ช่วยคลายกังวล เรื่องของเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ (2) รายงาน GDP 2Q24 (ครั้งสุดท้าย) ขยายตัว 3%QoQ เป็นไปตามที่ Bloomberg Consensus คาดหมายไว้ ได้แรงหนุนจากการบริโภคขยายตัว 2.8%QoQ เร่งตัวขึ้นจาก 1.9%QoQ ในช่วง 1Q24 พร้อมกับสินค้าคงทนขยายตัวมากถึง 5.5%QoQ เร่งขึ้นจาก 1Q24 ที่ -1.8%QoQ พร้อมกับการลงทุนภาคเอกชนขยายตัวมากถึง 8.3%QoQ พร้อมกับการนำเข้าที่ขยายตัวมากถึง 7.6%QoQ ดีขึ้นจาก 1Q24 ที่ 6.1%QoQ ซึ่งได้แรงหนุนจากการขยายตัวในการนำเข้าสินค้า (+8.4%QoQ) ดีขึ้นจาก 1Q24 ที่ 6.5%QoQ

     โดยรวมทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯกลับมาปรับขึ้น พร้อมกับการเร่งตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯในรุ่นอายุ 2, 10 ปี การปรับขึ้นสะท้อนมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯจากนักลงทุน ทั้งนี้ CME FED Watch จากที่เคยให้น้ำหนักส่วนมากปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนราว 60% เริ่มปรับลงมาเหลือเพียง 51% และเพิ่มโอกาสในการลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือเพียง 49%

     ส่วนตลาดหุ้นไทยวานนี้พลิกกลับมาปรับฐานเล็กน้อย (-0.45%) ประเมินว่าเป็นเพียงการพักตัวระยะสั้นหลังจากที่ก่อนหน้าปรับขึ้นมาแรง หากประเมินจากจุดต่ำสุดปรับขึ้นมาแล้วกว่า 14.7% และยังมีแนวโน้มปรับขึ้นได้ต่อ หนุนจากเศรษฐกิจสหรัฐฯยังมีการเติบโตที่ดีพร้อมกับการเร่งตัวขึ้นจากนี้ของเศรษฐกิจภายในประเทศ อย่างไรก็ตามยังคงมุมมองว่าหากดัชนีเข้าใกล้ระดับ 1,500 จุดควรมองฝั่งทำกำไรมากขึ้นจาก Valuation ที่เริ่มแพง

     วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1,440 - 1,465 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนไม่ประมาทกับการลงทุนจนเกินไป แม้เศรษฐกิจสหรัฐฯจะออกมาดีเพราะในแง่ของ Valuation เริ่มเข้าสู่จุดแพง นักลงทุนระยะสั้นที่ Trading มาจากโซนล่างอาจพิจารณาทำกำไรบางส่วน

     โดยช่วงนี้เน้นเป็นเพียงการเก็งกำไรระยะสั้นพร้อมกับเลือกหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อยและมีแนวโน้มกำไรขยายตัวได้ต่อเนื่อง ประกอบไปด้วย (ITC, TU, BEM, AOT, M, MINT) นอกเหนือจากนี้ระยะสั้นแนะสายการบิน (AAV) ปัจจัยหนุนราคาน้ำมันปรับลง

     ส่วนปัจจัยติดตามคืนนี้ ได้แก่ เงินเฟ้อสหรัฐฯ (PCE) Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 2.3%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐานขยายตัว 2.7%YoY

     หุ้นแนะนำวันนี้ คือ AAV (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 2.82 บาท) AAV เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับผลดีจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ซึ่งล่าสุดคาดว่าผู้โดยสารทั้งปีจะไปได้ถึงระดับ 20 ล้านคน รวมถึงบริษัทยังคงมีแผนเปิดเส้นทางใหม่เพิ่มโดยเฉพาะเส้นทางต่างประเทศอย่างประเทศอินเดีย ขณะที่จีนมีโอกาสเพิ่มขึ้นเช่นกันหลังเปิดฟรีวีซ่า

     ขณะที่ผลประกอบการงวด 2Q24 ออกมามีกำไร 84 ล้านบาท พลิกจากที่ขาดทุน 1,013 ล้านบาทใน 2Q23 แต่หากไม่รวมรายการพิเศษจะมีกำไร 381 ล้านบาทและทำให้กำไรปกติในช่วง 1H24 สูงถึง 2,000 ล้านบาท

     TU (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 18.30 บาท) แนวโน้ม 2H24 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและครึ่งปีแรก จากธุรกิจอาหารแปรรูป (Ambient) และอาหารสัตว์เลี้ยง (Pet Foods) ขณะที่ในแง่ต้นทุนราคาปลาทูน่าแม้จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 1H24 แต่ต่ำกว่าที่เคยประเมินไว้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.