รมว.คลังเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจ-อัพสกิลแรงงาน-ดึงต่างชาติลงทุน

     นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในงานสัมมนา Investment Forum 2024 เจาะขุมทรัพย์ลงทุนยุคโลกเดือด จัดโดยกรุงเทพธุรกิจ ในหัวข้อ "Thailand Investment Opportunity" ว่า วันนี้ถือโอกาสมาเล่าว่ารัฐบาลจะทำอะไรภายใต้ภาวะปัจจุบัน เวลาเราถามว่ามีโอกาสหรือไม่ คำตอบที่ตามมาคือเราจะเห็นโอกาสก็ต่อเมื่อเห็นอนาคตที่สดใส 

     ดังนั้นคำถามที่ดีคือรัฐบาลจะทำอะไรเพื่อนำไปสู่อนาคตที่สดใส ซึ่งการที่จะทำอะไรในอนาคตก็ต้องรู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ก่อนอื่นไปดูปัญหาในอดีตก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ย้อนกลับไปในช่วงก่อน "วิกฤติต้มยำกุ้ง" จะเห็นว่า GDP ประเทศไทยเริ่มเห็นภาพชัดว่าเติบโตชัดเจนตั้งแต่ช่วง ค.ศ.1980 เป็นต้นมาที่เรียกว่าเติบโตแบบโชติช่วง จนกระทั่งใกล้ ค.ศ.2000 หลายประเทศค่อนข้างอิจฉาประเทศไทยที่มี GDP โตกว่า 7% บางปีเติบโตมากกว่า 2 หลักถือว่าเห็นค่อน้ขางยากอาจเนื่องด้วยมาจากฐานที่ต่ำ

     แต่หลังจากนั้นเกิดอะไร ขอแบ่ง GDP ออกเป็น 4 ช่วง คือ ช่วง 5 ปีแรก ย้อนหลังไป 15-20 ปี จีดีพีโตเฉลี่ย 4.8% , ช่วงที่สอง GDP โตต่ำกว่า 5% , ช่วง 5 ปี จีดีพีโตเพียง 3% และ 5 ปีสุดท้ายที่เป็นช่วงโควิด-19 โตเพียง 0.4% เหลือต่ำ ส่วนปีนี้ถือว่าฟื้นไข้จากโควิด-19 จีดีพีโต 1.9% ซึ่งในช่วงไตรมาส 1/67 จีดีพีแตะระดับ 1.5% สวนทางเพื่อนบ้านที่โตมากกว่า 3-4% ซึ่ง GDP ไทยปีนี้ทางสภาพัฒน์ฯมองว่าโต 2.4-2.5% แต่ในมุมของประชาชนและรัฐบาลคงมองว่ารับไม่ได้ที่จีดีพีโตเพียง 2.4-2.5% หลังจากฟื้นไข้จากโควิด-19 มองว่าศักยภาพของประเทศไทยมีพื้นที่กว่า 300 ล้านไร่ พื้นที่เพาะปลูกตอนนี้เหลือกว่า 100 ล้านไร่ มีโลเคชั่นที่ดี ติดทะเล รับได้อย่างไรจีดีพีโต 2.4% ด้วยศักยภาพที่มีควรโต 3.5%

     "ที่ผ่านมาจีดีพีลดลงแบบขั้นบันไดจากระดับ 5% ลงมาเหลือใกล้ๆ 4% ตกมาเหลือ 3% แล้วตกมาเหลือ 0.4% แล้วกลับมาโต 1.9% การที่ตกลงมาตลอดเวลาขนาดนี้แสดงว่ามันต้องมีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้น ซึ่ง GDP ไทยโตจาก 1.การส่งออก 2.การลงทุนของภาครัฐ 3.การท่องเที่ยวที่เริ่มดีขึ้นในช่วง 6-7ปีที่ผ่านมา แต่การส่งออกไม่เหมือนเดิมและราคาไม่ค่อยดี จะเห็นภาคการผลิตลดลง เมื่อการส่งออกน้อย การผลิตน้อยส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วน"

     สิ่งที่จะผลักดันให้จีดีพีโตระดับ 3% และในปีหน้า จีดีพีต้องโตมากกว่า 3% ต้องมาจาก 1.การเพิ่มขนาดเศรษฐกิจ ซึ่งทุกประเทศมี 3 เสาหลัก คือ ประชาชน , ผู้ผลิตตั้งแต่รายย่อย รายกลาง รายใหญ่ , ผู้ปกครองหรือรัฐบาล ทุกวันนี้หนี้ครัวเรือนไดด้ยินมาหลายเดือนว่าโตกว่า 90% จีดีพีไทยใกล้ระดับ 19 ล้านล้านบาท ประชาชนมีหนี้รวม 15-16 ล้านล้านบาท คนเรามีหนี้เพราะรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ซึ่งชัดเจนว่าจีดีพีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย หนี้เพิ่ม เมื่อผู้บริโภคมีหนี้ ฝั่งของผูผลิตมีกำลังผลิตลดลงก็มีปัญหา เกิดหนี้ เกิด NPL ด้านผู้ปกครองก็ต้องสร้างหนี้ เอาหนี้มาช่วยใส่เข้าไปในบัญชี ทำให้เกิดหนี้ภาครัฐ หากขนาดเศรษฐกิจใหญ่ขึ้นทำให้หนี้เล็กลงได้ ดังนั้นสิ่งที่จะต้องเพิ่มขึ้นคือขนาดเศรษฐกิจ เพื่อเพิ่มความสามารถในการชำระหนี้

     2. การผลิตและส่งออกน้อย ซึ่งใน ค.ศ.2000 ผมเคยพูดเรื่องมนุษย์ต้องเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อรองรับอนาคต ทั้ง เทคโนโลยีชีวภาพ เจเนติกส์ การแปลงกระแสไฟฟ้า โดยใน ค.ศ. 2010-2011 เกิดสตาร์ทอัพเทคโนโลยีเกิดขึ้นเยอะมาก หลังปี 2020 จะเห็นกูเกิล หรือดิจิทัลแพลตฟอร์มเกิดขึ้นจำนวนมาก

     3. ต้นทุนเพิ่ม ทั้ง วัตถุดิบ แรงงาน อินฟราสตรัคเจอร์ และข้อสุดท้ายคือปัญหาเรื่องคน ที่ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ที่จะมารองรับเทคนด์ในอนาคต บวกจำนวนประชากรไม่เพิ่ม เข้าสู่ช่วงสูงวัย เมื่อทราบถึงปัญหาก็ต้องรีบแก้แม้จะยากแต่ก็ต้องรีบแก้ไขในทันที

     สิ่งที่จะทำมีหลายอย่าง ทั้ง การเซ็นสัญญา FTA , ภาคการเกษตรที่ต้องดูเรื่องพืชผลทางเกษตร ผลิตผล การผลิตจำนวนตันต่อไร่น้อย การคุมคุณภาพของดินและน้ำ ดูเรื่อง Economy of Scale ภาคการเกษตร ซึ่งเกี่ยวพันกับ "ไบโอเทคโนโลยี" ที่จะทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ ที่ผ่านมานักธุรกิจสนใจเข้ามาทำธุรกิจในไทย แต่ติดปัญหาเรื่องขั้นตอน การถือครองที่อยู่อาศัย 

     นอกจากนี้ เสียงเรียกร้องจากทุกบริษัทคือต้องการ Green Energy ใช้พลังงานเชื้อเพลิงสีเขียว ซึ่งภาครัฐต้องลงทุน ดังนั้นโอกาสลงทุนมีค่อนข้างเยอะ ต้องหาทางแก้ โอกาสสำเร็จมีแต่จะเป็นลักษณะค่อยๆดีขึ้น ดังนั้นในอนาคตเราจึงมุ่งเป้า "ลดโลกร้อน และ พลังงานสีเขียว" ส่วนเรื่องบุคลากร หากขาดทักษะก็สามารถอัพสกิลได้

     อย่างไรก็ดี วันนี้มีโปรเจ็กต์ รถไฟฟ้าจีนเข้ามา 8 ราย แบตเตอรี่เข้ามาเต็มไลน์ผลิต ชิพต้นน้ำพวกเวเฟอร์ฯเตรียมตัวจะมาไทย เรื่องเซมิคอนดักเตอร์ เราเริ่มที่ไอซีดีไซน์ก่อนเพื่อให้เกิดเซมิคอนดัคเตอร์ให้ได้ และดาต้าเซ็นเตอร์ คลาวด์เซอร์วิส ทุกวันนี้ใช้มากทั้งคลาวด์เซอร์วิช ระดับไฮเปอร์สเกล เรจินอลฮับแม้ลงทุนไม่เยอะแต่ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นค่อนข้างเยอะซึ่งดีต่อเด็กไทยที่มีโอกาสทำงานในอนาคต ด้านไฟแนนซ์เชียลฮับ ไอเดียเฟสแรกคือดึงคนในประเทศเพื่อนบ้านที่อยากมาอยู่เมืองไทย มาทำเรื่อง Wealth Invesment มาตั้งสถานที่ในไทยได้ หรือ ชาวตะวันออกกลางอยากมาอยู่ในไทยเพราะค่าเช่าถูกกว่า แต่ที่กลัวอาจจะเรื่องความปลอดภัย ทุกอย่างนี้คือการลงทุนที่จะเกิดความเชื่อมั่นลงทุน

     "ในฐานะตัวแทนรัฐบาลอยากบอกว่าทุกคนมีความมุ่งมั่น ทำมากทำน้อยเราก็จะผลักดันให้เต็มที่ คำตอบคือ Thailand Investment Opportunity อยู่ข้างหน้า ถ้าทุกคนมีความเชื่อมั่น เดินในแนวทางเดียวกันช่วยกันผลักดัน เชื่อว่าจะประสบความสำเร็จได้"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.