MAGURO เปิดเทรดวันแรก 23 บาท เหนือจอง 44.65%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) วันนี้ (5 มิ.ย.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยเปิดที่ราคา 23.00 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 7.10 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 44.65% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 15.90 บาท
ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 6.40 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 40.25% มาอยู่ที่ 22.30 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 1,188.14 ล้านบาท
ทั้งนี้ MAGURO ประกอบธุรกิจร้านอาหาร จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มระดับ Premium - Mass ภายใต้เครื่องหมายการค้า “มากุโระ (MAGURO)” “ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ (SSAMTHING TOGETHER)” และ “ฮิโตริ ชาบู (HITORI SHABU)” รวมถึงให้บริการจัดส่งอาหาร และรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่
MAGURO เสนอราคาขาย IPO ที่ 15.90 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 34,060,200 หุ้น คิดเป็น 27.03% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO ประกอบด้วย
(1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดยบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 21,460,200 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 17.03% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
(2) หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย HOLISTIC IMPACT จำนวนไม่เกิน 12,600,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 10.00% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และภายหลังการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัท
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
1.ขยายธุรกิจของบริษัท
2.ปรับปรุงสาขาเดิมและครัวกลาง
3.ติดตั้งและปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทในอนาคต
4.ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 387.61 ล้านบาท 665.85 ล้านบาท และ 1,045.81 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 9.57 ล้านบาท 31.36 ล้านบาท และ 72.48 ล้านบาท ตามลำดับ
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 1/2567 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 20.13 ล้านบาท
นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เปิดเผยว่า พอใจกับราคาเปิดซื้อขายวันแรก โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างดีเยี่ยม สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแบรนด์ของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น-เกาหลี และได้รับการยอมรับจากลูกค้ามายาวนานกว่า 9 ปี
ประกอบกับบริษัทมีแผนการเติบโตที่ชัดเจน โดยในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 30% จากปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากการเปิด 4-5 สาขาใหม่ ในช่วงปลายปี 2566 เข้ามาเต็มปีในปีนี้ และการเติบโตของสาขาเดิม
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนเปิดสาขาใหม่ในปี 2567 ไม่น้อยกว่า 11 สาขา เพื่อสร้างการเติบโตอย่างสูงและต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีจำนวนสาขาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวม 3 แบรนด์ จำนวน 27 สาขา ได้แก่ 1. ร้านซูชิและอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม “MAGURO” (มากุโระ) จำนวน 14 สาขา 2. ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม “SSAMTHING TOGETHER” (ซัมติง ทูเก็ทเตอร์) จำนวน 6 สาขา และ 3. ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับ (Authentic Japanese Sukiyaki and Shabu Shabu) “HITORI SHABU” (ฮิโตริ ชาบู) จำนวน 7 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปเปิดแบรนด์ใหม่ และขยายสาขาเพิ่มดังกล่าว รวมทั้งปรับปรุงสาขาเดิม ครัวกลาง และระบบ IT เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาของบริษัทในอนาคต อีกทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งจะช่วยให้บริษัทขยายกิจการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกได้รับการตอบรับอย่างคึกคัก จากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ที่มีความแข็งแกร่ง ซึ่งเห็นได้จากความสามารถในการทำกำไรที่โดดเด่น การเติบโตอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
“เชื่อว่า MAGURO จะเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโต จากการที่บริษัทมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่ง มียอดผู้ติดตามบน Social Media มากกว่า 500,000 ราย และมีกลุ่มลูกค้าที่เป็นสมาชิก (Membership) กว่า 145,000 ราย ซึ่งในปี 2566 สมาชิกดังกล่าวสามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทฯ กว่า 54.36% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องของบริษัท อีกทั้งยังเป็นฐานสำคัญสำหรับการสร้างแบรนด์ใหม่ในอนาคต”
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิมที่ยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัท พร้อมกับนักลงทุนสถาบันที่ดำเนินการซื้อ-ขายผ่านกระดาน Big Lot ในวันนี้ สมัครใจ Lockup หุ้นเป็นเวลา 3 เดือน และเมื่อนับรวมกับหุ้นที่ถูกติด Silent Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว จะมีหุ้นที่ถูกห้ามขายรวมเป็นจำนวน 72.97% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท
นางสาวจิรยง อนุมานราชธน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้ดูแล MAGURO ทำให้เห็นถึงศักยภาพของทีมผู้บริหารและพนักงานทุกท่านที่จะร่วมกันผลักดันให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่า MAGURO จะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน เนื่องจากเป็นบริษัทฯ ที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง จากการบริหารธุรกิจให้มีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งไม่มีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ย ทำให้สามารถต่อยอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดีในอนาคต
ด้าน 6 โบรกเกอร์ ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล.บียอนด์, บล.ดาโอ, บล.เคจีไอ (ประเทศไทย), บล.ลิเบอเรเตอร์ และ บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเหมาะสมหุ้น MAGURO อยู่ที่ระหว่าง 21.40-25.00 บาท/หุ้น
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.