SPREME เปิดเทรดวันแรก 3.42 บาท เหนือจอง 31.54% ลุยประมูงงานใหม่-ปิดดีล M&A

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SPREME เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้ (2 พ.ค.2567) เป็นวันแรก ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยเปิดที่ราคา 3.42 บาท ปรับเพิ่มขึ้น 0.82 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 31.54% จากราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ราคา 2.60 บาท 
 
ล่าสุด ปิดซื้อขายช่วงเช้า เวลา 12.30 น. ปรับเพิ่มขึ้น 0.14 บาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 5.38% มาอยู่ที่ 2.74 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 926.96 ล้านบาท

ทั้งนี้ SPREME ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ จัดหา และติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ในงานเทคโนโลยีสารสนเทศครบวงจร (System Integrator) ทั้ง Hardware และ Software รวมถึงให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง
 
SPREME เสนอราคาขาย IPO ที่ 2.60 บาท/หุ้น จำนวนไม่เกิน 200,000,000 หุ้น คิดเป็นไม่เกิน 27.02% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วหลัง IPO ประกอบด้วย (1) หุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่เกิน 180,000,000 หุ้น และ (2) หุ้นสามัญเดิมที่ถือ โดย PSN Capital Limited จำนวน 20,000,000 หุ้น

โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลของงบการเงินเฉพาะของบริษัทฯ และหลังหักเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้
 
1.เพื่อเป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่
2.เพื่อลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท (Mergers & Acquisitions)
3.เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและการดำเนินการอื่นใดเพื่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัท
 
ทางด้านผลการดำเนินงานในปี 2564-2566 บริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 871.19 ล้านบาท 1,025.48 ล้านบาท และ 1,256.32 ล้านบาท ตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 110.53 ล้านบาท 99.24 ล้านบาท และ 156.59 ล้านบาท ตามลำดับ

นายภาณุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME เปิดเผยว่า พอใจกับราคาหุ้น SPREME ที่เปิดซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท ในฐานะผู้นำธุรกิจ System Integrator ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งเป็นเมกะเทรนด์ของโลกและมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ตามแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาของประเทศ และการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ เมืองอัจฉริยะ (Smart City) และความปลอดภัยสาธารณะ (Public Safety)

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2567 คาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 440 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2567-2568 และบริษัทเตรียมเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ 4-5 โครงการ มูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท มองว่าภาครัฐจะจัดสรรงบประมาณโดยเฉพาะด้านการศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปี ดังนั้นโอกาสเติบโตของบริษัทยังมีอีกมาก

นอกจากนี้ บริษัทเดินหน้าลงทุนเข้าซื้อกิจการ (M&A) เพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ประมาณ 2-3 ราย คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปี 2567

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าภาครัฐประมาณ 30% และกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน 70% และภายหลังการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คาดว่ารายได้จากภาครัฐ และภาคเอกชน จะมีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ 50%  

“ทีมงานและผู้บริหารของบริษัทพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจตามแผนที่วางไว้ ทั้งการเข้าประมูลงานภาครัฐขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท ภายในอนาคตอันใกล้นี้ และการทำ M&A เพื่อต่อยอดธุรกิจ SI ที่มีความเชี่ยวชาญ ผมเชื่อมั่นว่าเรามีความพร้อมในการพัฒนาและขยายธุรกิจให้มีศักยภาพการเติบโตต่อไปข้างหน้า และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นในอนาคต” นายภานุวัฒน์ กล่าว 

ด้านนายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า การเข้าเทรดในวันแรกของ SPREME ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เนื่องจากเป็นหุ้นไฮบริด เป็นทั้ง Growth Stock และ Dividend Stock นักลงทุนมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่มีความแข็งแกร่ง 

โดยเม็ดเงินที่ได้จากการเสนอขายไอพีโอในครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการที่มีขนาดใหญ่, เพื่อลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท (M&A) และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และสนับสนุนการเติบโตที่มั่นคงในอนาคต 

นายธีรฉัตร ศิลปสนธยานนท์ ผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญ กล่าวว่า เชื่อมั่น SPREME จะเป็นหุ้นที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ลงทุนในอนาคต เนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตจากแผนการเข้าประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ ที่สนับสนุนการนำระบบเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในระบบการศึกษา และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีให้ประชาชน รวมทั้งแนวทางการพัฒนาประเทศเข้าสู่รูปแบบ Smart City และ Public Safety

นอกจากนี้ มองว่า SPREME เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ มีความมั่นคงด้านรายได้ ซึ่งบริษัทสามารถรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งจากธุรกิจด้าน SI , ธุรกิจให้บริการดูแลบำรุงรักษาและซ่อมแซมระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง (MA) และธุรกิจให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง รวมทั้งรายได้ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นจากการทำ M&A ในอนาคต

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.