TOA ลุ้นผลงานครึ่งหลังปี 67 ปรับตัวดีขึ้น หนุนยอดขายปีนี้โต 5-8%

นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแจ้งงบในไตรมาส 1/2567 ในวันที่ 14 พ.ค.2567 คาดว่าผลการดำเนินงานจะทรงตัว จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และไตรมาสก่อน 

ส่วนไตรมาส 2/2567 ยังคงมีปัจจัยกดดันทั้งในเรื่องของดอกเบี้ย เศรษฐกิจ และภัยแล้ง ขณะที่มีปัจจัยบวก ในเรื่องนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หากผ่านงบประมาณปี 2567 ได้ จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2567 ดีขึ้น 

ทั้งนี้ บริษัทยังคงคาดว่ายอดขายปี 2567 จะเติบโต 5-8% จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีการดำเนินงานธุรกิจใหม่ ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัม และกระเบื้อง เข้ามาเสริม 

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าในปี 2567 ต้นทุนปรับตัวเพิ่มขึ้น ตามราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น ส่วนการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทเพิ่มขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นต้นทุนวัตถุดิบ  

สำหรับงบลงทุนในปี 2567 บริษัทวางงบไว้ที่เกือบ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปกติที่บริษัทใช้งบลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท/ปี ใช้สำหรับปรับปรุงเครื่องจักรให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เกิดของเสียน้อยลง และช่วยให้ใช้พลังงานลดลง 

ขณะที่กรณีพนักงานอัยการฟ้องผู้ถูกกล่าวโทษกรณี บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ที่ถูกอายัดทรัพย์สินจำนวน 7 รายต่อศาลอาญา โดย 1 ใน 7 มีชื่อ นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 5 ในสัดส่วน 9% นั้น มองกระบวนการทางคดียังใช้เวลาอีกนาน อย่างไรก็ตาม หากถึงที่สุดมีการบังคับขายหุ้นในส่วนดังกล่าว ครอบครัวตั้งคารวคุณ พร้อมเข้าไปรับซื้อหุ้นในสัดส่วนดังกล่าว  

นายจตุภัทร์ กล่าวว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate  Change) ถือเป็นวิกฤติที่ส่งผลกระทบต่อโลกและมนุษยชาติ ซึ่งจากมติที่ประชุม COP28 เมื่อปลายปี 2023 ที่ผ่านมา ยังคงย้ำชัดถึงข้อตกลงที่ทุกภาคส่วนจะต้องช่วยกันรักษาระดับอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกไม่ให้สูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เนื่องจากรายงานของปีนี้ระบุว่า ช่องว่างการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงสูงกว่าปีที่แล้ว 1.2% ทำให้ต้องเผชิญกับภาวะโลกร้อนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์
  
TOA ในฐานะผู้นำตลาดและภาคอุตสาหกรรมผู้ผลิตสีในประเทศไทยและอาเซียน โดยตลอดระยะเวลา 60 ปี บริษัทมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยของผู้บริโภคและใส่ใจด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นผู้ผลิตสีรายแรกในประเทศไทย ที่ยกเลิกการใช้สารโลหะหนัก ปรอท ตะกั่ว ในสีทาอาคารได้สำเร็จ ตั้งแต่ปี 1977 รวมทั้งการไม่หยุดพัฒนา สร้างสรรค์นวัตกรรมสีที่ปลอดภัย ใส่ใจต่อสุขภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ดังนั้น บริษัทจึงพร้อมเป็นส่วนหนึ่งของโลกในการบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change Action) โดยการประกาศนโยบาย GREEN MISSION เพื่อบูรณาการขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2050 อย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (SDGs) ตามกรอบแนวคิด ESG ทั้ง 3 ด้านหลัก ได้แก่ 
 

1. Environment การดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด 2. Social ความรับผิดชอบต่อผู้ที่มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น พนักงาน คู่ค้า ลูกค้า ชุมชนและสังคม 3. Governance การกำกับดูแลองค์กรให้มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ และคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย

นายภาณุพงศ์ ภูทะวัง ผู้จัดการอาวุโส สายงานกลยุทธ์องค์กรและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในบริษัทให้ได้ 20% ภายในปี 2025 และเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2030 หรือคิดเป็นมากกว่า 8,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (TonCO2e) 

ขณะเดียวกัน บริษัทตั้งเป้าหมายในการสร้างสิทธิที่เกิดจากการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) จากการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน การขนส่ง การจัดการของเสีย และการปลูกป่าให้ได้ 1 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (MTonCO2e) ภายในปี 2042

โดยการบริหารจัดการองค์กรแบบบูรณาการในทุกกระบวนการของ TOA Circular Economy ตั้งแต่กระบวนการต้นน้ำจนถึงปลายน้ำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และทำให้เกิดของเสียเป็นศูนย์  
ด้วยการดำเนินงาน 7 กลยุทธ์หลัก หรือ 7-Green คือ Green Production-Green Energy-Green Value Chain-Green Partner-Green Reforestation-Greenovation-Green Certified 

นอกจากนี้ TOA ได้ผ่านการรับรองฉลากคาร์บอนและฉลากลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ในกลุ่มสีทาอาคารและแผ่นยิปซัมมากถึง 320 ผลิตภัณฑ์ ที่ครอบคลุมตลาดสีทาอาคารส่วนใหญ่ในปัจจุบัน อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์สินค้าเรือธงอย่าง SuperShield, TOA Organic Care, TOA Shield-1 Nano, 4SEASONS, SUPER MATEX, Expert series (Shield, Pro, Flex) และ TOA 7in1 อีกทั้ง TOA มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องทุกมิติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 

โดยผลิตภัณฑ์ที่มีการรับรองเครื่องหมายฉลากลดโลกร้อน สะท้อนถึงความสำเร็จในการมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมสินค้า จนสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้จริงตามเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งเป็นการประเมินการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์นั้น ตั้งแต่การได้มาซึ่งวัตถุดิบ การขนส่ง กระบวนการผลิต การใช้งาน และการจัดการซากผลิตภัณฑ์หลังใช้ โดยมีรูปแบบสำหรับการประเมิน 

ทั้งนี้ ประกอบด้วย การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบัน การประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีฐาน (Base Year)  การเปรียบเทียบคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์ในปีปัจจุบันกับปีฐาน แล้วพบว่าค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ลดลงไม่น้อยกว่า 2% และนำผลการเปรียบเทียบพิจารณาตามเกณฑ์การประเมิน เพื่อขึ้นทะเบียนเครื่องหมายลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ของผลิตภัณฑ์  

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.