จับตาเวียดนามใช้ GMT พรุ่งนี้ กูรูยันไม่กระทบไทย ชี้ 2 หุ้นนิคมฯเสน่ห์กินขาด
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุว่า รัฐสภาเวียดนามเตรียมอนุมัติภาษีขั้นต่ำทั่วโลก (Global Minimum Tax : GMT) ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2566 เวียดนามจะขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำเป็นอย่างน้อย 15% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 140 ประเทศที่ได้ตกลงที่จะใช้มาตรการนี้ แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน
ใช้ GMT เพื่อ ?
ประเทศที่ใช้ GMT ประมาณ 140 ประเทศ หรือ 90% ของ GDP โลกได้ตกลงที่จะใช้ GMT ที่อย่างน้อย 15% เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษี โดย บริษัทข้ามชาติ (Multinational Enterprise : MNE)ขนาดใหญ่ บางประเทศจะดำเนินการในปี 2567
เงื่อนไขสำคัญคือ :
1. ข้อตกลง GMT บังคับใช้เฉพาะบริษัทข้ามชาติที่มีรายได้ทั่วโลกสูงกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี
2. ประเทศที่ร่วมข้อตกลงสามารถเรียกเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากบริษัทข้ามชาติ ที่มีรายได้ตามเกณฑ์ดังกล่าวที่ตั้งในประเทศในอัตราขั้นต่ำ 15% โดยหากบริษัทลูกของบริษัทข้ามชาติดังกล่าวตั้งอยู่ในประเทศที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลต่ำกว่า 15%ประเทศที่ตั้งของบริษัทแม่สามารถเรียกเก็บส่วนต่างของภาษีที่ต่ำกว่า 15% กับบริษัทดังกล่าวได้
3. ข้อตกลง GMT ไม่ยอมรับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลในกรณีพิเศษที่เป็นมาตรการจูงใจทางภาษี อาทิ การหักค่าใช้จ่ายบางรายการได้ 2 เท่าของ ค่าใช้จ่ายจริง เป็นต้น เพื่อป้องกันการใช้มาตรการดังกล่าวในการทำให้อัตราภาษี เงินได้นิติบุคคลที่แท้จริงต่ำกว่า 15%
GMT กระทบ FDI อย่างไร?
GMT จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment : FDI)จากบริษัทข้ามชาติ (Multinational Company : MNC) ที่มีรายได้กลุ่มมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี
คู่แข่งสำคัญของ FDI ในอาเซียนทั้งหมดจะใช้ GMT ซึ่งประเทศไทยยังไม่กำหนดวันที่แน่นอน, เวียดนาม ใช้ในปี 67 , มาเลเซีย ใช้ในปี 68 และอินโดนีเซีย ใช้ในปี 66 ดังนั้นประเทศเหล่านี้จึงไม่มีความได้เปรียบเสียเปรียบกัน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายฯเชื่อว่าบางประเทศอาจเสนอสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี เช่น การผ่อนปรนกฎต่างๆให้ง่ายต่อการทำธุรกิจ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ลงนามเขตการค้าเสรีเพิ่มเติม การถือครองที่ดิน การยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับเครื่องจักร การยกเว้นค่าธรรมเนียม และวีซ่าระยะยาว
ขณะที่ประเทศไทยได้จัดตั้งกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อให้ บริษัทที่ทำตามเงื่อนไข เพื่อลดผลกระทบของภาษีส่วนเพิ่มสำหรับบริษัทข้ามชาติขนาดเล็ก (ห่วงโซ่อุปทาน) การยกเว้นภาษียังคงเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุน
ดังนั้น ฝ่ายวิเคราะห์เชื่อว่า GMT จะไม่ทำให้ FDI และความต้องการที่ดินนิคมฯในประเทศไทยได้รับผลกระทบ
โดยหุ้นเด่น แนะนำซื้อ คือ หุ้น AMATA ราคาเป้าหมาย 28 บาท คาดกำไรปีนี้ทำได้ 2,224 ล้านบาท และปี67 กำไร 3,316 ล้านบาท อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ปีนี้ 2.4% และปีหน้า ยิลด์ 3.5%
หุ้น WHA ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท คาดกำไรปีนี้ทำได้ 4,744 ล้านบาท และปี67 กำไร 5,213 ล้านบาท อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ปีนี้ 3.7% และปีหน้า ยิลด์ 4.1 %
และ หุ้น ROJNA ราคาเป้าหมาย 7.30 บาท คาดกำไรปีนี้ทำได้ 304 ล้านบาท และ ปี 67 กำไร 1,404 ล้านบาท อัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) ปีนี้ 8.7% และปีหน้า ยิลด์ 10.6%
"GMT (อย่างน้อย 15%) จะใช้กับบริษัทข้ามชาติ (MNE) ซึ่งมีรายได้ทั่วโลกมากกว่า 750 ล้านยูโรต่อปี เราเชื่อว่าบางประเทศอาจเสนอสิทธิประโยชน์ที่ไม่ใช่ภาษี เช่น การผ่อนปรนให้ง่ายต่อการทำธุรกิจ ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ลงนามเขตการค้าเสรีเพิ่มเติม ให้กรรมสิทธิ์ที่ดิน การยกเว้นภาษีนำเข้าสำหรับเครื่องจักร การยกเว้นค่าธรรมเนียม และวีซ่าระยะยาว สำหรับองค์กรขนาดเล็ก มาตรการยกเว้นภาษีจะยังคง เหมือนเดิม เราเชื่อว่า GMT จะไม่ทำให้ประเทศไทยมีความน่าสนใจน้อยลงสำหรับ FDI เนื่องจากเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซียก็จะใช้ GMT เช่นกัน จึงไม่กระทบต่อ FDI และอุปสงค์ที่ดินนิคมอุตสาหกรรม หุ้นเด่นของเราในกลุ่มนี้คือ WHA และ AMATA"
ยอดขายนิคมฯพุ่ง
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นการตั้งฐานผลิตในไทยและการรวมหลายหน่วยงานไว้ในที่เดียวกันจะช่วยสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของไทย และดึงดูดผู้ประกอบการรายอื่นๆ ให้เข้ามาลงทุนเพิ่มเติมหนุนอุปสงค์ที่ดินให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ปัจจุบันยอดขายที่ของกลุ่มนิคมฯ เติบโตอย่างมีนัยสำคัญสะท้อนจากอุปสงค์ที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างร้อนแรง ล่าสุด 9 เดือนแรกปี66 เติบโตโดดเด่น โดย WHA ขายได้ 2 พันไร่ เพิ่มขึ้น 32.9% YoY และ AMATA ขายได้ 1.3 พันไร่ เพิ่มขึ้น 226.8% แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ที่ดินของกลุ่มนิคมฯอย่างชัดเจน และคงคำแนะนำ “ซื้อ” AMATA ราคาเป้าหมาย 29.40 บาท และ “TRADING” WHA ราคาเป้าหมาย 5.80 บาท
ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้น AMATA ปิดการซื้อขายเช้านี้(28 พ.ย.66) อยู่ที่ 25.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท คิดเป็น +0.99% มูลค่าการซื้อขาย 74.57 ล้านบาท
ราคาหุ้น WHA ปิดที่ 4.98 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท คิดเป็น +0.40% มูลค่าการซื้อขาย 130.80 ล้านบาท
ราคาหุ้น ROJNA ปิดที่ 5.95 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท คิดเป็น +1.71% มูลค่าการซื้อขาย 4.71 ล้านบาท
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.