พาณิชย์ ประกาศให้น้ำตาลเป็นสินค้าควบคุม เบรกขึ้นราคา
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ(กกร.) ครั้งที่ 3/2566 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกำหนดให้สินค้าน้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุมตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 เพื่อป้องกันผลกระทบกับประชาชน พร้อมออก 2 มาตรการสำคัญในการดูแล โดยจจะนำมติดังกล่าว เสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 31 ต.ค.2566 และจะลงประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เพื่อบังคับใช้ทันที
สำหรับการกำหนดมาตรการกำกับดูแล 2 มาตรการ คือ
1.กำหนดราคาจำหน่ายหน้าโรงงานที่ กก.ละ 19 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาว กก.ละ 20 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ และควบคุมราคาจำหน่ายปลีก กก.ละ 24 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาว และ กก.ละ 25 บาท สำหรับน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์ ซึ่งเท่ากับว่า น้ำตาลทรายจะยังคงจำหน่ายในราคาเดิม ไม่มีการปรับขึ้นแต่อย่างใด ส่วนจังหวัดอื่น ๆ ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล จะมีการกำหนดราคาตามระยะทางและต้นทุนการขนส่งต่อไป
2.ควบคุมการส่งออกตั้งแต่ 1 ตัน หรือ 1,000 กก. ขึ้นไป โดยต้องขออนุญาตจากคณะอนุกรรมการที่จะจัดตั้งขึ้น มีเลขาธิการ สอน. เป็นประธาน มีรองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นรองประธาน มีตัวแทนจาก สอน.เป็นเลขานุการ และตัวแทนกรมการค้าภายใน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ ซึ่งจะทำหน้าที่กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการในการกำกับดูแลต่อไป เพื่อให้น้ำตาลทรายมีเพียงพอใช้ในประเทศ และไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำตาลทรายของไทย
“การนำน้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุม เพื่อให้สามารถบริหารจัดการได้ เพราะกระทรวงพาณิชย์มีความห่วงใยประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบ และปัจจุบันมีความยากลำบากอยู่แล้ว และยังกระทบต่อห่วงโซ่การผลิตอีกเป็นจำนวนมาก จึงต้องเข้ามากำกับดูแล โดยราคาจะยึดที่ กกร.ประกาศ”
อย่างไรก็ดี การดูแลเกษตรกรชาวไร่อ้อย ยืนยันว่า จะไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ตามเดิม โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้เข้าไปดูแล และรัฐบาลพร้อมที่จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ประกอบการ หรือร้านค้า ขอให้จำหน่ายสินค้าในราคาเดิม เพราะน้ำตาลทรายไม่มีการปรับขึ้นราคาแล้ว ส่วนประกาศของ สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) นั้นเป็นประกาศที่ใช้คำนวนตราคาอ้อยสำหรับเกษตรกร ซึ่งจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมก็ต้องดูแลต่อไป
หากมีการขายเกินราคาควบคุม จะมีความผิด มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีกักตุน จะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยประชาชนหากพบเห็นหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมให้ร้องเรียนสายด่วน 1569 จะเข้าไปตรวจสอบทันที
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.