ชูวิทย์ แฉ เศรษฐา แรงสะเทือน วัดใจ เพื่อไทย เปลี่ยนตัว แคนดิเดตนายกฯ

ปฏิบัติการณ์แฉเพื่อชาติ ครั้งที่1 ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ อดีตนักการเมือง ตั้งข้อสังเกต ข้อกล่าวหา 'เศรษฐา ทวีสิน' แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย สมัยที่ยังเป็น ผู้บริหารแสนสิริ จำกัด(มหาชน) ชี้ให้เห็นถึงความผิดปกติ การโอนซื้อขายที่ดิน ทำเลทองย่านสารสิน ของบริษัทแสนสิริ มีการสมคบคิด มีเจตนา หลบเลี่ยง หรือ เสียภาษีน้อยลง ทำให้ ภาครัฐเสียประโยชน์ ได้รับภาษีน้อยลงหรือไม่

ครั้งที่2 โยงใยไปถึง การตั้งบริษัทนอมินี มีตัวละครลึกลับ แม่บ้าน รปภ. ซื้อที่ดินจากเจ้าของเดิม มาขายต่อให้ บริษัทลูกแสนสิริ ที่มี เศรษฐา เป็นกรรมการ แล้วค่อยมาขายให้ แสนสิริ ระหว่างทาง มีการตัดตอน ตั้งบริษัท ความเกี่ยวข้อง เงินทอน ตั้งข้อสังเกต มูลค่าที่ซื้ออีกราคา แต่นำเงินจาก ผู้ถือหุ้นไปซื้อในราคาที่แพงกว่า ส่วนต่างเงิน ไปอยู่ไหน อย่างไร และ เรื่องราวคนใกล้ชิดข้างตัว เศรษฐา

แสนสิริ บริษัทในตลาดหุ้น ถูกพาดพิง จนต้องออกแถลงการณ์ ยืนยันในความบริสุทธิ์ ทำถูกต้องตามกฎหมาย

เศรษฐา ในฐานะผู้เสียหาย ถูกตั้งข้อกล่าวหาอย่างหนัก ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค 
‘ในขณะที่ผมเป็นผู้บริหารบริษัทฯ ที่ดินแปลงสารสินซื้อมาตามราคาตลาดที่เหมาะสม ส่วนที่ดินแปลงทองหล่อซื้อมาในราคา ตารางวาละ 1,100,000 บาท ซึ่งเป็นราคาตลาดตามปกติในขณะนั้น
การกระทำใดๆ ที่บิดเบือน ไม่เป็นความจริง ฝ่ายกฎหมายจะรวบรวมข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง และต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุดอย่างแน่นอน การที่ฝ่ายกฎหมายของบ้านเมืองเข้ามาตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ถูกต้องและพึงกระทำ แต่การที่บุคคลหนึ่งปลุกปั่น ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง โดยมีเป้าหมายบางประการ เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง’

เกิดวาทกรรมในโลกออนไลน์ ตอบโต้กลับไปมา เศรษฐา ฟ้องชูวิทย์ไปแล้ว ส่วนชูวิทย์ เดินหน้า ฟ้องกลับ พร้อมกับยื่นเอกสารให้หน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบ ชนิด ไม่มีใครยอมใคร เรื่องราวถึง ชั้นศาลต่อสู้กันอีกยาวแน่นอน

ชูวิทย์ ไม่ได้พุ่งเป้า เศรษฐา เพียงเท่านั้น แต่บางช่วงบางตอนแถลงข่าว ยังพาดพิงไปถึง มิสเตอร์ T ที่อยู่ข้างกาย เศรษฐา บางกระแสบอกถึงขนาด คนนี้คือเจ้าของบริษัทตัวจริง มีส่วนร่วมในการคิด ทำธุรกรรมต่างๆเป็นจำนวนมาก

เป็น 1 ใน 5 เสืออันโด่งดัง สมัยเหตุการณ์ ธนาคารกรุงเทพพาณิชย์การ หรือ บีบีซี อันโด่งดัง ในอดีต


มีเรื่องเล่ามากมาย ทั้งในมุมส่วนตัว ความรัก ความผิดหวัง ไปจนถึง การเกี่ยวดอง ไล่สายที่มาของความสัมพันธ์ จากอีกคน มาถึงอีกคน เป็นจิ๊กซอว์สำคัญ ที่มาที่ไป กว่าจะมาเป็น บริษัทชื่อดังในตลาดหลักทรัพย์วันนี้ ไม่เว้นแม้แต่ การหักเหลี่ยม หักหลัง การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์บางแห่งในภาคเหนือ 

การจับมือทำธุรกิจบางอย่าง ที่เกี่ยวพันไปถึง บิ๊กในราชการบางคน ที่ว่ากันว่า เรื่องนี้ ถ้ามีการเปิดออกมา อาจสร้างผลสะเทือน กระทบกระเทือน เขย่าเก้าอี้ ก็เป็นได้ 
การเป็นนายทุนใหญ่ทางการเมือง 

เศรษฐา บุคคลสาธารณะ ตัดสินใจเข้าสู่ ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว ถูกจัดวางเป็น หนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ที่ในวันนี้ พรรคเพื่อไทย ยังยืนยันจะเสนอชื่อให้ สมาชิกรัฐสภา พิจารณาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี  

ท่ามกลาง ข้อท้วงติงจาก สมาชิกวุฒิสภา(สว.)จำนวนไม่น้อย ตั้งปมข้อสงสัย ข้อสังเกต ความสง่างาม ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ยิ่ง ข้อมูลชูวิทย์ นำออกมาเปิดเผย ซึ่งหลายต่อหลายเรื่อง มีการโยงใย มีใบเสร็จแสดงชัด ไม่ใช่ การตั้งข้อกล่าวหา พูดปากเปล่า ยิ่งทำให้ น้ำหนักในการโหวต เศรษฐา แคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ถูกตั้งคำถามดังขึ้นเรื่อยๆ

เริ่มมีการพูดถึง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์พ.ศ.2535 หมวด12 โทษทางอาญา มาตรา 307-311 บ่งชี้ชัด ส่งผลกระทบ ความผิด กรรมการ ผู้จัดการ ที่ไม่อาจ ปฏิเสธความรับผิดชอบไปได้   


มาตรา307  กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตามพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของนิติบุคคลดังกล่าวหรือทรัพย์สินที่นิติบุคคลดังกล่าวเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย กระทำผิดหน้าที่ของตนด้วยประการใดๆ โดยทุจริตจนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สินของนิติบุคคลนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่ห้าแสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท

เศรษฐา กับเส้นทาง นายกรัฐมนตรีคนที่30 จะลงเอยอย่างไร พรรคเพื่อไทย ผู้มีอำนาจตัดสินใจ มองเรื่องนี้อย่างไร ยังมีเวลาให้คิดแก้เกม


ว่ากันว่า มหกรรมการแฉชูวิทย์ ไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้ ยังมีอีกหลายตอน พร้อมจะขุดออกมา แฉกันอีก การซื้อขายที่ดิน การโยงใยในตัวละคร บ่งชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิด และ ความผิดปกติทางธุรกรรม ส่งผลสั่นสะเทือน ในมุมกฎหมาย จริยธรรม เป็นอย่างมาก

การซุกหุ้นคนใช้ คนขับรถ การตั้งบริษัทนอมินีซื้อขาย ทำนิติกรรมอำพราง การออกกฎหมายช่วยเหลือตัวเอง พวกพ้อง ในอดีต เคยสร้างผลสะเทือนทางการเมืองมานักต่อนัก มีตัวอย่างให้เห็นเป็นที่ประจักษ์มาแล้ว

นับจากวันนี้ ถึงวันโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นวันที่ 22ส.ค. หรือถูกกำหนดมาเป็นวันใด อาจยังพอมีเวลา ให้ได้คิด ใคร่ครวญ ตรึกตรอง ผลได้ ผลเสีย 

งานนี้ คงจะไม่จบง่ายๆ ไม่มีใครยอมใคร ชูวิทย์-เศรษฐา พึ่งกระบวนการยุติธรรมให้ช่วยพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในการต่อสู้ข้อในข้อเท็จจริง

ชูวิทย์ ห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ไม่มีอะไรจะเสีย 

เศรษฐา ก่อนถึงวันโหวต สัญญาณจาก สว. เริ่มมีทีท่าแปลกๆ  แต่ถึงจะโหวตผ่านเป็น นายกฯ เหนื่อย ข้อมูล ใบเสร็จ เส้นทางการเงิน เรื่องราวอะไรต่างๆระหว่างทาง ยังพร้อมถูกงัดออกมาเป็นระยะๆ 

เพื่อไทย มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 3 คน ก่อนถึงวันโหวตเลือกนายกฯ กับ เส้นทางที่ต้องเลือกเดิน มีเวลาคิด เวลาใคร่ครวญตรึกตรอง ถ้าถึงคราว ต้องเปลี่ยนจาก ‘ศ’-เศรษฐา เป็น ‘พ’-แพทองธาร ชินวัตร อาจเป็นทางเลือก ทางรอดที่ดี ก็เป็นได้

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.