ถอดรหัส"วิษณุ เครืองาม" ตีความสถานะ "บิ๊กโจ๊ก" ลุ้นเก้าอี้ผบ.ตร.

นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกฯเศรษฐา ทวีสิน แถลงผลตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ที่มีนายฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นประธาน กรณีความขัดแย้งระหว่าง 2 บิ๊กตำรวจ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล บิ๊กต่อ กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล บิ๊กโจ๊ก โดยให้ฝ่ายแรกกลับไปที่สตช.คืนตำแหน่งผบ.ตร.เพราะเพราะไม่มีอะไรสอบสวนแล้ว

การแถลงข่าวของนายวิษณุ มีประเด็นที่ต้องขยายความถกเถียงเพิ่มว่า บิ๊กโจ๊ก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มีโอกาสได้กลับไปสตช.เหมือนฝ่ายแรกหรือไม่ และยังมีโอกาสผงาดกลับไปเป็นคู่ชิง"แคนดิเดต ผบ.ตร."ต่อจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ได้หรือไม่

"กรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน เป็นการออกคำสั่งตาม ม.132 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2505 ที่เคยทำกันมาในอดีต แต่ในพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565ได้เพิ่มมามาตราหนึ่งว่า"กรณีที่สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน"แล้วไปกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของบุคคลนั้น คำสั่งให้ออกราชการไว้ก่อนต้องทำโดยคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน"

"แต่เนื่องจากเมื่อ 18 เม.ย.67 มีการออกคำสั่งถึง 3 คำสั่งคือ สั่งให้กลับ ตร. สั่งตั้งกรรมการสอบวินัยและสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ซึ่งเป็นปัญหาและมีการหารือคณะกรรมการกฤษฎีกา โดยคณะกรรมการกฤษฎีกามีมติ 10 ต่อ 0 เห็นว่าการสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนนั้น "กระทบต่อสิทธิประโยชน์และหน้าที่"รวมทั้งสิทธิ"การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์" จึงต้องทำตามคำแนะนำของคณะกรรมการสอบสวน"

"แต่เรื่องนี้ไม่ผ่านคณะกรรมการสอบสวน คณะกรรมการกฤษฎีกาจึงมีความเห็นว่าไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรมให้ไปดำเนินการให้ถูกต้อง โดยสถานภาพของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ขณะนี้ถือว่า "อยู่ระหว่างการรอนำความกราบบังคมทูลฯ"จำเป็นอย่างยิ่งที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ต้องตรวจสอบว่า"ทำถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่"
 
"ขณะนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปฟ้องคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.ตร.) ส่วนคำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อนใครจะต้องรับผิดชอบนั้น ถ้ารู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือดำเนินการโดยสุจริตก็ไม่มีความผิด แต่ถ้ารู้อยู่แล้วว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติมีการเปลี่ยนแปลงและไปกลั่นแกล้งก็ถือว่ามีความผิด”  

นายวิษณุ สรุปรวมความในตอนท้ายว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ถูกออกจากราชการไว้ก่อน แต่ยังไม่ได้นำความกราบบังคมทูลฯและเหตุที่ยังไม่ได้นำความกราบบังคมทูลฯเพราะกระบวนการที่ผ่านมายังไม่ถูกต้อง หากกระบวนการเสร็จสิ้นแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังไม่หลุดจากตำแหน่ง ก็มีลุ้นในตำแหน่ง ผบ.ตร.

ดังนั้นหากเป็นไปตามที่นายวิษณุแถลงเท่ากับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถือเป็นรองผบ.ตร.ผู้มีอาวุโสลำดับ1  เกษียณอายุราชการ ปี 2574  มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเป็นว่าที่ผบ.ตร.คนถัดไปต่อจากพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ซึ่งนายกฯออกคำสั่งให้กลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติและคืนตำแหน่งผบ.ตร. ขณะที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผบ.ตร. แม้จะเคยทำหน้าที่รักษาการผบ.ตร.แทนพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ก็ยังเป็นผู้มีอาวุโสลำดับ2 เกษียณอายุราชการ ปี 2569

ทั้งนี้ พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ฉบับใหม่ ปี 2565 ได้กำหนดลำดับอาวุโสในการคัดเลือกหรือแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดังนี้ 

  1. ผู้มียศสูงกว่า (ไม่รวมถึงยศที่ได้รับจากการแต่งตั้งเป็นกรณีพิเศษ) เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
  2. ถ้ามียศเท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับนั้นในกรมตำรวจและสำนักงานตำรวจแห่งชาตินานกว่า เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
  3. ถ้าดำรงตำแหน่งตาม (2) นานเท่ากัน ให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปนานกว่าตามลำดับจนถึงตำแหน่งระดับรองสารวัตร เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
  4. ถ้าดำรงตำแหน่งระดับถัดลงไปตาม (3) นานเท่ากัน ให้ผู้ที่มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรนานกว่า เป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
  5. ถ้ามีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งชั้นสัญญาบัตรเท่ากัน ให้ผู้ที่มีอายุมากกว่าเป็นผู้มีลำดับอาวุโสสูงกว่า
  6. สำหรับข้าราชการตำรวจที่ถูกประจำหรือสำรองราชการในระดับตำแหน่งใด ให้ถือว่ายังคงดำรงตำแหน่งระดับนั้นตลอดระยะเวลาที่ประจำหรือสำรองราชการ ระยะเวลาการดำรงตำแหน่งให้หมายความรวมถึงระยะเวลาการปฏิบัติงานเป็นทวีคูณของข้าราชการตำรวจผู้ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ได้รับการรับรองจากคณะกรรมการตามหลักเกณฑ์การนับ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.