"สรรเพชญ"จี้เบิกจ่ายงบปี67กระตุ้นเศรษฐกิจถึงรากหญ้า

เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 นายสรรเพชญ บุญญามณี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำและติดตามการบริหารงบประมาณ สภาผู้แทนราษฎร ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของงบประมาณประจำปี 2567 ที่อยู่ระหว่างการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งในปีงบประมาณ 2567 ได้รับการจัดสรรงบประมาณกว่า 3.48 ล้านล้านบาท

แต่งบประมาณดังกล่าวเข้าสู่ระบบงบประมาณช้ากว่ากำหนด เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ช้าทำให้หน่วยงานราชการต่าง ๆ ต้องใช้งบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน ส่งผลให้บรรดาหน่วยงานราชการที่ต้องดำเนินการเรื่องการลงทุนใหม่ ๆ เช่น โครงสร้างพื้นฐานที่อยู่ภายใต้การลงทุนภาครัฐต้องสะดุดลงและส่งผลโดยตรงไปยังภาคประชาชนและภาคเอกชนที่ต้องอาศัยการทำงานร่วมกับภาครัฐได้รับผลกระทบไปตาม ๆ กัน

ดังจะเห็นได้จากบริษัทรับเหมาก่อสร้างยักษ์ใหญ่ได้รับผลกระทบมาก่อนหน้านี้ ซึ่งมาจนถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 4 เดือนสำหรับการใช้จ่ายงบประมาณ และงบประมาณปี 2568 ก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ช่วงวันที่ 19-21 มิถุนายน 2567 แต่สำนักงบประมาณก็สามารถจัดสรรงบประมาณ 2567 ได้ถึง 3.457 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 99.37% และเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้วประมาณ 50.6% 

นายสรรเพชญ ได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าภายใต้งบประมาณที่ล่าช้ากว่ากำหนด เมื่อครั้งตอนพิจารณางบประมาณตนหวังว่ารัฐบาลจะเข้าใจในเรื่องของการเร่งรัดการเบิกจ่าย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าแต่มาวันนี้ตนรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก เนื่องจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เหลือเวลาอีกเพียง 4 เดือนเศษแต่รัฐบาลกลับเบิกจ่ายได้เพียง 50.6% แม้ว่า ครม. จะมีมาตรการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและมาตรการลดระยะเวลาการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง แต่ยังผลการเบิกจ่ายยังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เรื่องนี้เป็นที่น่ากังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง ประกอบกับการใช้จ่ายภาครัฐที่หดตัวอีก 3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับรายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นถึง 102.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการลงทุนขนาดใหญ่ของ กฟผ. ทำให้เห็นถึงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาลกลางกับรัฐวิสาหกิจที่มีการใช้จ่ายภาครัฐที่แตกต่างกัน 

สิ่งที่รู้สึกกังวลคือ ยิ่งรัฐบาลเบิกจ่ายช้าเท่าใด งบประมาณที่จะกระจายเข้าสู่ระบบก็จะช้าตามไปด้วย สุดท้ายแล้วปัญหาก็จะตกไปยังประชาชนที่ยังคงรอคอยการจ้างงาน โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานก่อสร้างต่าง ๆ อีกทั้งยังส่งผลไปยังร้านค้ารายย่อยที่อยู่โดยรอบบริเวณพื้นที่ก่อสร้างก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งในทางกลับกัน หากรัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายมากกว่านี้และกระตุ้นการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ให้ทันช่วงเวลาก็จะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนเป็นอย่างมากและงบประมาณที่ตั้งไว้ก็จะไม่ถูกพับตกไป อันจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง.

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.