เปิดประวัติ "แสวง บุญมี" ฝ่ากระแสเลือกสว.67สุดวุ่นวาย
การเลือกสว.67 ที่กำลังจะเกิดขึ้นในระดับอำเภอ 9มิ.ย.67 กำลังเดินเข้าสู่ภาวะ"ยักตื้นติดกึก ยักลึกติดกัก" หลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก8ต่อ1 เมื่อวันที่5มิ.ย.67 รับคำร้องของศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งผู้ฟ้องคดี (น.ส.วิเตือน งามปลั่ง) ในคดีหมายเลขดำที่ 899/2567 และกรณีศาลปกครองกลางส่งคำโต้แย้งของผู้ฟ้องคดีทั้งห้าในคดีหมายเลขดำที่ 812/2567 ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 วรรคหนึ่ง (3) มาตรา 41 วรรคหนึ่ง (3) และมาตรา 42 วรรคหนึ่ง (3) ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่
ภาระบทหนักเพื่อหาทางออกต่อประเด็นเรื่องนี้ คือคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทุกฝ่ายจึงจับจ้องมองไปที่"แสวง บุญมี" เลขากกต. ว่าจะขยับขับเคลื่อนชี้แจง"ข้อกฎหมาย"ในประเด็นดังกล่าวต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร เพื่อให้การเลือกสว.67เดินหน้าต่อไป เนื่องจากมีเวลาเหลืออีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดวันเลือกตั้ง ซึ่งศาลรธน.ระบุในท้ายมติรับคำร้อง ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นเป็นหนังสือตามประเด็นที่ ศาลกำหนด และจัดส่งสำเนาเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญภายใน 5 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัย
ทันทีหลังทราบว่าศาลรธน.รับคำร้องขั้นตอนการเลือกสว.ไว้พิจารณาวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เลขาแสวงได้ส่งข้อความผ่านไลน์ผู้บริหารกกต.ถึงเจ้าหน้าที่ กกต. ประเด็นสำคัญคือ อย่าใจเสีย เพราะเป็นเงื่อนไขภายนอก อยู่เหนือการควบคุมเป็นปัญหาข้อกฎหมายและคงจะคลี่คลายโดยเร็วเพราะศาลให้ชี้แจงภายใน5วัน กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เชิญด้านบริหารการเลือกตั้งและสำนักกฎหมายมาร่วมหาทางออกเพื่อเสนอต่อกกต.ชุดใหญ่พิจารณา 7มิ.ย.67
ส่งท้ายด้วยข้อความซึ่งถือเป็นคีย์เวิร์ดสำคัญ..
“ผมเชื่อว่าสุดท้ายมันจะคลี่คลายไปในทางที่ดีเชื่อว่าเรารับผิดชอบบ้านเมืองได้ พี่น้องเรามีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่เคยบ่นไม่ท้อถอยในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอปัญหาใดๆขอส่งกำลังใจและฝากกำลังใจถึงน้องๆและเพื่อนร่วมงานจากหน่วยอื่นที่ช่วยเหลือ สนับสนุน งานของเราด้วยดีเสมอมา รักศรัทธาคนทำงาน เลขา กกต.”
สำหรับ นายแสวง เริ่มเข้าทำงานในตำแหน่งเลขากกต.เมื่อ1 เม.ย. 2565 มีวาระ5ปี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต (การปกครอง) แถมพ่วงดีกรี ศิลปศาสตรบัณฑิต (รัฐศาสตร์) เกียรตินิยมอันดับ 2และนิติศาสตร์บัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง
นายแสวง ถือเป็นลูกหม้อของกกต.เพราะเคยเป็นผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 3 และอดีตผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 5 สำนักงาน กกต., อดีตอนุกรรมาธิการการปฏิรูปกลไกและระบบการเลือกตั้งในคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) การได้รับเลือกเป็นเลขากกต.ของนายแสวงผ่านการพิจารณาเห็นชอบด้วยมติเป็นเอกฉันท์
ในรายงานป.ป.ช.เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนายแสวง พร้อมคู่สมรส เมื่อคราวเข้ารับตำแหน่ง1 เมษายน 2565 มีทรัพย์สินรวมทั้งสิ้น 47,222,952 บาท มีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 704,222 บาท รวมมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 46,518,730 บาท ที่น่าสนใจคือทรัพย์สินอื่น 10,419,150 บาท ได้แก่ พระเครื่อง 530 องค์ มูลค่า 8,636,450 บาท พระพุทธรูป 73 องค์ เครื่องเสียง+ลำโพง มูลค่า 1,070,300 บาท แผ่นเสียง+แผ่นซีดี 800 แผ่น มูลค่า 520,000 บาท
พลิกปูมนายแสวงมีสายสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองหลายพรรค ในฐานะที่เป็นลูกหม้อเก่าของกกต.จึงรู้งานเป็นอย่างดี การประสานงานด้านต่างๆ จึงไร้ปัญหา และการวางตัวถือได้ว่า ถูกใจนักการเมืองรุ่นใหม่-รุ่นเก่า ทำให้ชื่อของนายแสวงแรงมาตั้งแต่ต้นเมื่อคราวสรรหาเลือกเลขากกต.คนใหม่แทน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ที่ลาออกจากตำแหน่งเลขากกต.เพื่อไปนั่งเก้าอี้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เมื่อช่วงปลายปี 2564
ต้องจับตาการทำหน้าที่สำคัญของนายแสวง กับด่านการเลือกสว.67 ซึ่งเจ้าตัวประกาศพร้อมรับมืออย่างมีชั้นเชิง เนื่องจากมีสัญญาณมาตลอดนับแต่มีพระราชกฤษฎีกาเลือก สว.จะมีแรงเสียดทานเข้มข้นมากขึ้น จะไม่ยอมให้มีการ เลื่อน- ลาก-ล้ม หากเกิดขึ้นจริงย่อมไม่เกิดผลดีกับบ้านเมือง และพร้อมเป็นร่มกันฝนและพายุให้แก่พนักงานกกต.ทุกคน ขอให้ทำงานเพื่อชาติด้วยความสบายใจ.
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.