ทนายเชาว์ ชี้ เศรษฐา ความผิดสำเร็จ ลุ้น 23พ.ค. ผลพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ
หลังจากกลุ่ม40 สว. เข้าชื่อยื่นต่อประธานวุฒิสภา(สว.) เพื่อให้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำเสนอรายชื่อ นายพิชิต เนื่องจากมีความสงสัยในปัญหาคุณสมบัติ เมื่อวันที่ 21พ.ค. นายพิชิต ชื่นบาน จะลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีการมองกันว่า พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องในวันที่ 23พ.ค. อันอาจจะส่งผลกระทบไปถึงนายกรัฐมนตรีด้วย แต่ยังมีมุมมองจากนักวิชาการ นักการเมือง รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย มองต่างมุมมองในเรื่องดังกล่าว
นายเชาว์ มีขวด ทนายความ และอดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า การลาออกของนายพิชิต ชื่นบาน ตอนนี้กลายเป็น อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ต้องเรียกว่าหมดอายุเร็วที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลก เพราะตอนเข้ามาก็ถูกขยักไว้ เพราะปัญหาเรื่องคุณสมบัติ กระทั่งนายใหญ่ สั่งลุยดันเข้าระลอกสอง จนได้เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ได้เกือบเดือน สุดท้ายหนีไม่พ้นบ่วงกรรม ผลพวงจากถุงขนมสองล้านบาท ตามหลอกหลอน กระแทกไปถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีด้วย เลยต้องตัดตอน หวังให้ศาล รธน.จำหน่ายคดี แต่สายไปแล้ว
การลาออกของนายพิชิต อาจส่งผลให้เรื่องของนายพิชิตเอง ถูกจำหน่ายออกไป แต่ปัญหาของนายเศรษฐา ซึ่งเป็นผู้ถูกร้องที่ 1 ยังไม่หมดไป เพราะความผิดของนายเศรษฐา สำเร็จไปแล้ว จากการตัดสินใจแต่งตั้งนายพิชิต เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ ท่ามกลางเสียงทักท้วงอย่างต่อเนื่อง แต่นายเศรษฐาก็ไม่รับฟัง ยังคงนำชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีก จึงถือเป็นความรับผิดชอบของนายเศรษฐา ซึ่งตามคำร้องระบุข้อกล่าวหาไว้
ส่วนหนึ่งในคำร้องของ 40 สว. ที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ระบุว่า กระทำการโดยอาจมีเจตนาไม่สุจริต เพื่อเอื้อประโยชน์แก่นายพิชิต ด้วยการแต่งตั้งเป็น รมต. ด้วยการเลี่ยงและบิดเบือนข้อเท็จจริงในการให้ข้อมูลแก่สังคมและประชาชน ทำให้เข้าใจผิดว่าคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบคุณสมบัติของนายพิชิตเรียบร้อยแล้ว การกระทำของนายเศรษฐา จึงเป็นการกระทำด้วยความไม่ซื่อสัตย์สุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ มีพฤติกรรมที่รู้เห็นและยินยอมให้ผู้อื่นใช้ตำแหน่งหน้าที่ของตนแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ เป็นการกระทำที่ขัดกันระหว่างประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการคบค้าสมาคมกับผู้มีความประพฤติหรือผู้มีชื่อเสียงในทางเสื่อมเสีนอันอาจกระทบกระเทือนต่อความเชื่อถือศรัทธาของประชาชนในการปฏิบัติหน้าที่
“ดังนั้นคำร้องในส่วนนี้จึงยังคงอยู่ แม้นายพิชิตจะลาออกไปแล้ว ในความเห็นส่วนตัว คิดว่าไม่ได้ทำให้นายเศรษฐาสบายตัวพ้นข้อกล่าวหาแต่อย่างใด จึงเชื่อว่าในวันที่ 23 พ.ค.นี้ ศาลรธน.อาจจำหน่ายคดีเฉพาะส่วนของนายพิชิต เพราะไม่มีเหตุให้วินิจฉัยแล้ว เนื่องจากเจ้าตัวลาออก แต่ของนายเศรษฐา ยังน่าจะพิจารณาต่อว่า พฤติกรรมเข้าข่ายขัด รธน.มาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เรียกว่ามีหนาวครับงานนี้ หนาวแรกก็ต้องลุ้นถ้าศาล รธน.รับไว้พิจารณา จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ หรือ รับไว้พิจารณา ไม่สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ก็ยังนอนใจไม่ได้ เพราะอำนาจอาจหลุดมือได้ทุกขณะ ตามใจนายใหญ่ ไม่เกรงใจประชาชน มีราคาที่ต้องจ่ายแบบนี้แหละครับ” นายเชาว์กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.