พิชิต โบกมือลา ปฏิเสธโดนกดดัน ลาออกจากรัฐมนตรี
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินออกจากห้องทำงานที่ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เพื่อขึ้นรถประจำตำแหน่งออกจากทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงเหตุผลการลาออกว่า มาจากอะไร นายพิชิต ตอบว่า เหตุผลแจ้งในใบลาออกแล้ว
เมื่อถามว่า มีใครมากดดันให้ลาออกจากตำแหน่งหรือไม่ นายพิชิตกล่าวว่า ไม่มีใครกดดัน ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าช่วงเช้า21พ.ค. แสดงความมั่นใจว่า จะไม่ลาออกจากตำแหน่ง นายพิชิตกล่าวว่าเมื่อเช้า ก็บอกแล้วไง ไม่มีอะไร
เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะไปดำรงตำแหน่งอะไร นายพิชิตหันกลับมาตอบผู้สื่อข่าวว่าจะให้ทำงานอีกหรือ ก่อนที่จะหัวเราะพร้อมโบกมือลาสื่อมวลชน และกล่าวว่า ชื่นบาน ชื่นบาน
เมื่อถามว่า สรุปแล้วได้คุยกับนายกรัฐมนตรีหรือไม่เกี่ยวกับการลาออก นายพิชิต กล่าวว่า สบายๆ ไม่มีอะไรกดดันเลย ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง
เมื่อถามว่าออกจากตำแหน่งแล้ว คดีของนายกฯ ที่เหลืออยู่จะถูก ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่าย และไม่พิจารณาต่อในภายหลังหรือไม่ นายพิชิต ไม่ตอบ เพียงแต่โบกมือและกล่าวว่า บ๊ายบายสื่อ ก่อนขึ้นไปบนรถ ก่อนที่จะลดกระจกลงและโบกมือลาสื่ออีกครั้ง พร้อมกล่าวว่า อยู่ให้คนรักจากให้คนคิดถึง สโลแกนพี่ ทำงานจริงจัง คบได้จริงใจ
ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอีกว่า สาเหตุที่ลาออก เพราะต้องการเซฟเก้าอี้ของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ นายพิชิตปิดกระจกรถและไม่ตอบคำถามก่อนที่รถจะเคลื่อนออกจากทำเนียบรัฐบาลในทันที
ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการลาออกของนายพิชิตว่า ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต้องได้รับคำตอบจากกระบวนการยุติธรรม คำร้องของสว. กรณีนายพิชิต อยู่ที่ดุลพินิจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะจำหน่ายคดีหรือไม่ กรณีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะยังคงเป็นประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยต่อ จากการกระทำที่สำเร็จแล้ว การเสนอตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี ถือว่าเป็นการกระทำที่สำเร็จแล้ว ต้องย้อนกลับมาดูต้นเหตุว่า กรณีนายพิชิต ขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา160 หรือไม่ ที่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์สุจริตและเรื่องจริยธรรม เชื่อว่า การลาออกของนายพิชิต จะยังไม่จบเพราะนายกรัฐมนตรี ยังคงต้องรับผิดชอบตามรัฐธรรมนูญอยู่
นายราเมศกล่าวว่า ประเด็นเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและจริยธรรมเป็นเรื่องที่ประชาชนยังให้ความสนใจและต้องการคำตอบในมาตรฐานความซื่อสัตย์สุจริต จริยธรรมของนักการเมืองในระบบประชาธิปไตย ความรุ่งเรืองของบ้านเมืองยังคงต้องพึ่งหลักสุจริต
"ถ้านายกรัฐมนตรีจะให้จบเรื่องนี้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก คดีอาจจะไปได้ยาก เพราะความเป็นรัฐมนตรีได้สิ้นสุด ไม่มีประเด็นให้ต้องวินิจฉัย เหตุเพราะประเด็นในการพิจารณาคดีคือความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลงหรือไม่ เมื่อลาออกก่อนก็ถือว่าสิ้นสุดก็จะจำหน่ายคดี สุดท้ายก็ต้องรอดูคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนว่าจะรับคำร้องไว้หรือไม่ และจะจำหน่ายคดีกรณีนายพิชิตรายเดียวหรือไม่ ทั้งหมดเป็นดุลพินิจไม่สามารถก้าวล่วงได้"นายราเมศกล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.