รักษาการผบ.ตร.เผย'บิ๊กโจ๊ก'ปฏิบัติราชการปกติรอกก.สอบวินัย
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยที่รัฐสภาว่า เดินทางมาพบนายกฯเศรษฐา ทวีสินเพื่อรายงานขั้นตอนและกระบวนการที่จะพิจารณากรณีพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ผู้ต้องหาตามหมายจับสน.เตาปูน คดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ ซึ่งในฐานะผู้บังคับบัญชาของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ต้องปฎิบัติ ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 โดยพิจารณาเรื่องวินัย โดยแยกเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ก่อน
วันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯแต่ในคำสั่งระบุไว้ชัดเจนว่า การรับเงินเดือน เงินพิเศษ เงินประจำตำแหน่ง และสิทธิประโชยน์ต่างๆให้รับจากต้นสังกัด กระบวนการขั้นตอนจะต้องได้รับรายงานจากคณะพนักงานสอบสวนของนครบาล 1 ฉบับ ขณะนี้ยังไม่มีการรายงานมา นอกจากนี้ จะมีฉบับที่2 ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ด้วยเป็นไปตามระเบียบตำรวจไม่เกี่ยวกับคดีและเมื่อมาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะต้องรายงานมาที่กองคดีอาญาก่อนขณะเดียวกันกองวินัยจะต้องรายงานผลเช่นกัน โดยเมื่อนำรายงานทั้ง2เส้นทาง ประกอบด้วย เหตุ พฤติการณ์ ความรุนแรงแห่งคดี นำมาประกอบการพิจารณาในฐานะฝ่ายอำนวยการให้รักษาการ ผบ.ตร.ได้พิจารณา
เป็นอย่างหนึ่งอย่างใด
"การพิจารณาเราจะดูว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัยเกิดขึ้นหรือไม่ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติของพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ซึ่งเป็นขั้นตอน และเมื่อกองวินัยได้ประมวลขึ้นมาว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำผิดวินัยก็เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา คือผมจะต้องพิจารณาว่า ตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฎและให้โอกาสกับผู็ถูกสืบสวนข้อเท็จจริงได้ชี้แจง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่กำนดไว้" รักษาการผบ.ตร. กล่าว
รักษาการผบ.ตร. กล่าวว่า ในขั้นตอนกระบวนการสืบสวนข้อเท็จจริงจะยังไม่มีการพิจารณาในเรื่องของการพักราชการ ออกราชการ หรือสำรองราชการไว้ก่อน เพราะเป็นการปฏิบัติภายใต้กฎ ก.ตร. ที่กำหนดไว้ การสืบสวนของเท็จจริงของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงจะต้องใช้ระดับไม่ต่ำกว่าที่มียศต่ำกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งตรงนี้ตนต้องไปพิจารณาว่าจะมอบหมายให้ใคร ขณะนี้ยังไม่ถึงกระบวนการดังกล่าว แต่หากการสืบสวนข้อเท็จจริวปรากฎเหตุออกมาว่า มีการกระทำความผิดวินัยร้ายแรงเกิดขึ้นก็จะไปเข้าอีกบทบัญญัติหนึ่งของมาตรา 119 ใน พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2565 ว่าจะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยอีกระดับหนึ่ง ซึ่งในขั้นตอนนั้นก็จะมีการใช้การพิจารณาว่าเข้าเงื่อนไขในกฎ ก.ตร. หรือไม่ เข้าองค์ประกอบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายตำรวจปี 2565 ในมาตรา 112 หรือไม่ ซึ่งมีการกำหนดไว้อยู่แล้ว
“ผมจะๆไม่ใช้ดุลยพินิจที่นอกเหนือไปกว่านี้เลย ซึ่งจะมาประกอบการพิจารณาว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวนพิจารณาทางวินัยจะต้องให้พัก หรือออก หรือสำรองหรือไม่ อยู่ที่ขั้นตอนนี้ และทั้งหมดนี้ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนการให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจง อยากให้ทุกคนแยกออกระหว่างเรื่องของอาญากับเรื่องวินัย” รักษาการผบ.ตร. กล่าว
เมื่อถามว่า กรณีที่ศาลออกหมายจับจะต้องนำคำสั่งศาลที่อนุมัติหมายจับดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาด้วยใช่หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ทุกอย่างกองวินัยจะนำมาประกอบการพิจารณา ซึ่งจะมีกำหนดไว้เป็นข้อๆอยู่แล้วว่าผู้ชี้แจงหรือผู้รายงานตนต้องคดีอาญาจะต้องรายงานอะไรเป็นข้อๆ
"หากถามว่า ณ เวลานี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องถูกพักหรือไม่ ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นชั้นยศใดจะต้องอยู่ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย ระเบียบและคำสั่ง ซึ่งข้าราชการตำรวจทุกคนต้องปฏิบัติตามซึ่งยังถือว่าพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังคงต้องปฏิบัติราชการอยู่ตามปกติ นี่คือสิ่งที่เราต้องให้ความเสมอภาคและเป็นธรรมกับข้าราชการทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน" พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าว
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.