กต.หาทางช่วย8ตัวประกันคนไทยในอิสราเอลเกาะติด19ผู้เสียชีวิตไร้สัญชาติ

นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ที่ยังคงถูกจับเป็นตัวประกัน จำนวน 8 คนว่า ยังมีการดำเนินการจรจา เพื่อให้มีการหยุดยิงระหว่างฝ่ายต่าง ๆ อยู่อย่างต่อเนื่อง ทั้งอิสราเอล อียิปต์ และกาตาร์ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการปล่อยตัวประกัน ซึ่งเมื่อ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยร่วมกับสมาชิกสหประชาชาติรวม 153 ประเทศ รับรองร่างข้อมติฯ ของอียิปต์ ที่เสนอในที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ วาระพิเศษฉุกเฉิน สมัยที่ 10 เกี่ยวกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ในหัวข้อการปกป้องพลเรือนและการยึดมั่นในพันธกรณีด้านกฎหมายและมนุษยธรรม ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีสาระสำคัญ 3 ประเด็น คือ การเรียกร้องให้หยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมโดยทันที, การปล่อยตัวประกันโดยทันทีและไม่มีเงื่อนไข และการเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมขอให้ญาติของตัวประกันที่ยังคงถูกจับไม่ต้องกังวล เนื่องจาก ทางการไทยยังคงติดตามอยู่อย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รับรายงานฝ่ายอิสราเอล ที่ประกาศว่า มีตัวประกัน 19 ราย จากทั้งหมด 135 ราย ที่ยังคงถูกควบคุมตัวและได้เสียชีวิตลง โดยไม่ได้มีการระบุสัญชาติ ซึ่งกระทรวงฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการปล่อยตัวประกัน และสถานเอกอัครราชทูตไทยในประเทศที่เกี่ยวข้อง ยังเดินหน้าเจรจากับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานของประเทศที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปล่อยตัวประกันต่อไป
 

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิต สะสมขณะนี้ 39 คน ซึ่งไม่มีเสียชีวิตเพิ่มเติมตั้งแต่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยยังคงมีผู้บาดเจ็บและอยู่ระหว่างการรักษาพยาบาล จำนวน 3 คน ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ติดตามอย่างใกล้ชิด และผู้ป่วยมีจิตใจที่เข้มแข็ง สามารถฟื้นตัวได้ดี ซึ่งสถานการณ์การสู้รบ ขณะนี้ แม้ยังมีอยู่ แต่ก็ไม่กระทบต่อคนไทยที่ตัดสินใจอยู่ต่อในอิสราเอล ที่พำนักอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย 

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังแจ้งเตือนคนไทยในต่างประเทศ ให้ระมัดระวังกลุ่มคอลเซ็นเตอร์ที่แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานไทย หรืออ้างเป็นสถานทูต สถานกงสุลไทย ที่มีการหลอกสอบถามข้อมูลส่วนบุคคล หรือให้มีการโอนเงิน จึงขอให้ประชาชน ตรวจสอบโดยตรงจากสถานทูตฯเพราะเจ้าหน้าที่จะไม่มีการเรียกร้องเงินจากประชาชนใด ๆ ทั้งสิ้น และข้อมูลต่าง ๆ ยังมีการรักษาความลับข้อมูลส่วนบุคคล จึงไม่มีการโทรถามใด ๆ ทั้งสิ้น และขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อโดยง่าย