นายกรัฐมนตรี ปลื้ม ผลหารือ 7บริษัทยานยนต์ญี่ปุ่น จ่อลงทุนในไทยเพิ่ม

วันที่ 15ธ.ค. เวลา 16.30 น. (ตามเวลาท้องถิ่นประเทศญี่ปุ่น ที่เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) ที่โรงแรมอิมพีเรียลโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเดินทางเยือนญี่ปุ่นวันแรกว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าได้เจอนายไซโต เค็น (H.E. Mr. Saito Ken) รมว.เศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งโดยตรง ได้แสดงความยินดี เขายังบอกว่า จะจดจำไว้ เพราะตนคือคนแรกที่ได้มาร่วมงานในตำแหน่งดังกล่าว ก่อนร่วมงานสัมนากับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีนักลงทุนญี่ปุ่นร่วมรับฟังประมาณ 500 คน ยืนยันว่า ประเทศไทยและญี่ปุ่นมีความสัมพันธ์กันยาวนาน และญี่ปุ่นเป็นนักลงทุนที่ยิ่งใหญ่ในประเทศไทย ลงทุนไปหลายล้านล้านบาทแล้ว

ตนได้แจ้งถึงแนวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยว่า จะทำอะไรบ้าง ทั้งการลงทุนในกรีนเอนเนอจี อิเล็กทรอนิกส์พาร์ท รวมถึงเมกะโปรเจกต์ต่างๆ เช่น โครงการแลนด์บริดจ์ ก่อนพบกับ บริษัท มิตซุยกรุ๊ป ที่เป็นกลุ่มบริษัทที่ใหญ่สุดของญี่ปุ่น ได้พูดคุยถึงการสำรวจและขุดเจาะแหล่งก๊าชธรรมชาติ ที่เขาสนใจและชำนาญ และความเป็นไปได้ในการใช้นำน้ำมันพืชใช้แล้ว มาทำเป็นน้ำมันเครื่องบิน ทั้งวันก็ได้พูดคุยกับ 7 บริษัทยานยนต์ของประเทศญี่ปุ่น คือ บริษัทฮอนด้า ที่เขาลงทุนในไทยเยอะมาก และมีแผนลงทุนในไทย 5 หมื่นล้าน ในอีก 5 ปี ซึ่งตนได้บอกไปว่าไม่ต้องห่วงเรื่องการเปลี่ยนผ่านการใช้พลังงานสันดาบในรถยนต์ไปเป็นอีวี เราให้ความสำคัญ เพราะอีกหลายคนทำงานในบริษัทเครือข่ายยานยนต์ของญี่ปุ่น พยายามเร่งให้เขาสร้างโรงงานกรีน เอนเนอจีและปลั๊กอิน-ไฮบริด ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ตนเคยแถลงไว้ 

นายเศรษฐากล่าวว่า อีกบริษัทคือนิสสัน ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ เข้ามาในรถอีวีก่อนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาคือ นิสสัน ลีฟ ยืนยันว่าจะทำต่อเนื่องในเมืองไทย ต่อมาคือมิตซูบิชิ ที่ทำรถกระบะเขาก็จะพัฒนารถกระบะอีวี ซึ่งรถกระบะเป็นรถที่ขายดีในไทยฉะนั้นการจะเปลี่ยนรถกระบะเป็นอีวีในไทยเพื่อพลังงานสะอาดถือเป็นปัจจัยสำคัญ ได้เร่งให้เขาลงทุนให้เร็วขึ้น เพราะการเปลี่ยนจากสันดาบไปเป็นอีวี ค่อนข้างรวดเร็ว เขาจะใช้เราเป็นฐานในการส่งรถกระบะไปขาย อีกไม่กี่ปีก็จะเริ่มแล้ว  

นายเศรษฐากล่าวอีกว่า ยังได้คุยกับบริษัทซูซูกิ แม้เป็นบริษัทเล็กแต่อยู่ในไทยมานาน เขาทำอีโค่คาร์ คือ ซูซูกิสวิฟ เขาขอให้เราส่งเสริมต่อ ก็ได้แนะนำให้ทำมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า เพราะเมืองไทยขายดี พร้อมกันนี้ยังได้หารือกับบริษัท อีซุซุ ซึ่งเขาก็พร้อมลงทุนอีกประมาณ 32,000 ล้านบาทในอีก 5 ปีข้างหน้า เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเขาลงทุนไป 2 หมื่นกว่าล้านบาท ฉะนั้น 32,000 กว่าล้านในระยะเวลา 5 ปี จึงถือว่าเยอะกว่าช่วงที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากนั้นได้หารือกับมาสด้า ซึ่งเป็นบริษัทที่ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตส่งรถไปขายประเทศต่างๆ เขามั่นใจว่ารถเอสยูวีของเรา มีสมรรถนะที่ดีส่งขายยังต่างประเทศได้ บริษัทเหล่านี้พยายามลงทุนเพิ่มในไทย แรงงานของไทยพึ่งบริษัทเหล่านี้เยอะ และบริษัทสุดท้ายที่เจอคือโตโยต้า คือบริษัทที่ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อยู่เมืองไทยมา 60 ปีแล้ว ประธานของบริษัทมาพูดคุยเองและเขาก็เคยอยู่เมืองไทยมาก่อน ถือว่าเข้าใจธุรกิจเป็นอย่างดี ได้พูดคุยถึงการทำรถกระบะที่เขาขายดี คือโตโยต้าไฮลักซ์ โดยภายในปี 2025 เขาจะเริ่มผลิตแล้ว แม้จะช้าไปนิด แต่ผลิตเพียง 5,000 คัน ก็ได้ถามไปว่าทำไมผลิตน้อย สิ่งที่เขาเป็นห่วงคือสถานีชาร์จรถไฟฟ้า

ได้ยืนยันไปว่า เราขยายเครือข่ายตรงนี้ไปมาก ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน เขาก็จะกลับไปพิจารณา การเร่งผลิตรถกระบะอีวีให้เร็วขึ้น ทั้งนี้อีกส่วนของโตโยต้า เขาทำเรื่องไฟแนนซ์รถยนต์สอดคล้องกับการแก้หนี้ในระบบ หากเขาช่วยเราได้ในส่วนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการบีบดอกเบี้ยหรือปรับเบี้ยปรับ ก็ต้องรบกวนด้วย 

นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ได้พูดคุยในวันนี้คือการเร่งให้แต่ละบริษัทลงทุนอีวีให้เร็วขึ้น เพราะบริษัทเหล่านี้อยู่ในไทยมา 50 ปีถึง 60 ปีมีความเป็นไทยมองตาก็รู้ใจ อีกอย่างคือ พูดคุยถึงการใช้พลังงานสะอาดที่จะเป็นหัวข้อหลักในการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่นสมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์อาเซียน-ญี่ปุ่น ในวันที่ 17 ธ.ค.

เมื่อถามว่า พอใจกับการหารือกับนักธุรกิจญี่ปุ่นตลอดทั้งวันหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า พอใจมากเพราะญี่ปุ่นเป็นคู่ค้าที่สำคัญของเรา และพูดจากันด้วยท่าทีที่ดี และเป็นมิตร ด้วยท่าทีที่ดี ไม่ต้องเป็นห่วง แต่เราก็พยายามให้เขาเร่งการลงทุนเข้ามา เพราะโลกเปลี่ยนไปมาก และบีโอไอได้มีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อนอย่างดีมาก 

เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่า โอกาสในการหารือจะสำเร็จกี่เปอร์เซ็นต์ ในรัฐบาลชุดนี้ นายเศรษฐากล่าวว่า ถ้ารัฐบาลตนอยู่ 4 ปีทุกโครงการก็สำเร็จ เพราะเขาจะเข้ามาเร็ว บางอันก็เข้ามาปีหน้าแล้วและขณะนี้บางเรื่องก็เริ่มการลงทุนแล้ว แต่อาจจะมีเรื่องของรถยนต์ไฮโดรเจน ไม่แน่ใจว่า ใช้ระยะเวลานานแค่ไหนแต่เรื่องอื่นก็กำลังดำเนินการอยู่

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.