เส้นทางสู่มรดกโลกเมืองโบราณศรีเทพ : ปริศนาเมืองถูกทิ้งร้างเพราะ?

ภายในสัปดาห์นี้ น่าจะมีข่าวความคืบหน้าของการประกาศขึ้นทะเบียนมรดกโลกของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพให้ชาวไทยได้ลุ้นกัน .. โดยตัวเมืองโบราณศรีเทพนั้น ตั้งอยู่บริเวณที่ราบใกล้กับแม่น้ำป่าสัก ในเขตอำเภอศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์    มีขนาดพื้นที่กว่า 2,900 ไร่  เผยให้เห็นร่องรอยของชุมชนโบราณ เมือง แหล่งศาสนสถาน รวมไปถึงยังขุดพบโครงกระดูกและข้าวของเครื่องใช้อีกมากมาย ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากอารยธรรมอินเดีย รวมไปถึงเขมรและทวารวดี เคยมีความสำคัญมากในช่วง 2,500 ปีก่อนที่เมืองแห่งนี้จะล่มสลาย

ความรุ่งเรืองของเมืองโบราณแห่งนี้เกิดขึ้นจากการเป็นเส้นทางค้าขาย  คุณธนัชญา เทียนดี นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ  เล่าว่าเมืองแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมาก สังเกตได้จากการขุดคันน้ำคูดินขนาดใหญ่ มีการจัดการน้ำแบบโบราณ การสร้างเมืองและศาสนสถานขนาดใหญ่ รวมไปถึงมีลักษณะศิลปกรรมที่มีสกุลช่างเป็นของตนเอง  .. เมืองโบราณศรีเทพนั้นรุ่งเรืองมากว่า 700 ปี นับตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 8-18 อย่างไรก็ตามที่นี่มีปริศนาที่ยังไม่ไขกระจ่างอยู่อีกมาก หนึ่งในนั้นคือการที่นักโบราณคดีพบว่าหลังจาก 700 ปีของความรุ่งโรจน์ จู่ๆ ก็กลับไม่พบหลักฐานการอยู่อาศัยของผู้คนอีกเลย และยังไม่สามารถระบุสาเหตุใดชัดเจน!

 

 

หลักฐานทางโบราณคดีชี้ เมืองถูกทิ้งร้าง!

 

คำว่า ‘ทิ้งร้าง’ นั้นไม่ได้เพียงแค่หมายถึงว่าผู้คนค่อยๆ หายไปจากเมืองแห่งนี้หรือประชากรลดน้อยลง เพราะถ้าหากเป็นเช่นนั้น ก็คงจะมีการปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงบนพื้นที่ให้ได้เห็น แต่คำว่า ‘ทิ้งร้าง’ ที่ถูกนำมาใช้กับเมืองโบราณศรีเทพนั้นแสดงให้เห็นว่าเมืองนี้เมื่อถึงยุคหนึ่งกลับไม่ปรากฎร่องรอยการมีอยู่ของผู้คนอีกเลย

 

‘ เราดูจากการขุดค้นทางโบราณคดี’

 คุณธนัชญา เทียนดี นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ  ได้เล่าให้ฟังถึงการขุดค้นทางโบราณคดีที่ยืนยันทฤษฎีดังกล่าว

 

‘ มองจากสภาพบนดินก่อนเราเห็นละว่าวัดร้าง มีต้นหญ้าขึ้น ต้นไม้ขึ้นปกคลุม’ 

ถึงตรงนี้หากใครเคยไปที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ หรือติดตามเรื่องนี้ก็อาจจะเคยเห็นภาพเก่าก่อนที่จะมีการขุดค้นทางโบราณคดี ที่ปรากฎว่าโบราณสถานนั้นถูกปกคลุมไปด้วยเนินดิน หญ้า และต้นหญ้า หากเป็นคนทั่วไปซึ่งไม่มีความรู้ก็จะไม่รู้เลยว่าข้างใต้นั้นจะเป็นซากเมืองโบราณขนาดใหญ่ แต่ไม่ใช่กับนักโบราณคดี!

 

 

‘ เราขุดลงไปในชั้นใต้ดิน เห็นชั้นวัฒนธรรมตั้งแต่ปัจจุบันย้อนไปถึงอดีตยุคแรกของเมือง ชั้นดินตามยุคสมัยจะมีโบราณวัตถุตามชั้นดิน และแน่นอนว่ามีความแตกต่างกันในแต่ละยุค .. ชั้นล่างสุดเป็นชั้นธรรมชาติยังไม่มีคนอาศัยอยู่ ไม่มีที่อยู่อาศัย เป็นชั้นดินทรายเฉยๆ ไม่มีวัตถุ  ชั้นต่อไปคือชั้นทวารวดี  ชั้นต่อมาเป็นชั้นเขมร จะมีโบราณวัตถุแบบเขมรอยู่’   คุณธนัชญาอธิบายให้ฟังในแต่ละลำดับที่ขุดพบ

‘ ทีนี้พอชั้นถัดมา เราขุดลงไปแล้วพบว่าจากชั้นเขมรจนถึงชั้นปัจจุบัน เรากลับไม่เจอหลักฐานการอยู่อาศัยเลย ไม่มีขยะที่คนโบราณทิ้งไว้เลย เป็นชั้นดินธรรมชาติเปล่าๆ  ไม่มีคนกลับมาใช้พื้นที่ตรงนี้เลย

 

ทฤษฎีที่ยังต้องรอการพิสูจน์

 

จากหลักฐานการขุดค้นทางโบราณคดีชี้ให้เห็นว่า เมืองโบราณศรีเทพถูกทิ้งร้าง ไร้ผู้คน!

 

‘ จริงต้องแยกเป็น 2 ประเด็นว่า ทำไมจากเมืองนี้ที่ร่ำรวยสุดๆ กลายเป็นตกต่ำลง และอีกประเด็นคือ ทำไมเมืองนี้ถึงถูกทิ้งร้างไป ' นักโบราณคดีปฏิบัติการ อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพชี้แจงเพิ่มเติม

 

พวกเขาสามารถให้ข้อสรุปต่อประเด็นคำถามแรกคือ ‘ทำไมจากมืองนี้ที่ร่ำรวยสุดๆ กลายเป็นตกต่ำลง’ ได้ โดยพบว่าในยุคนั้นเหตุการณ์การตกต่ำ หรือพูดง่ายๆ คือเมืองจนลง เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

‘ ในยุคนั้นพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เสด็จสวรรคต ผลจึงทำให้อำนาจของเขมรที่แผ่ไปไกลถึงภาคกลางของไทยลดน้อยลง ความเป็นเขมรเสื่อมลงตามลำดับ อำนาจทางการเมืองของศรีเทพก็ลดลงเหมือนกัน ประกอบกับเกิดเส้นทางการค้าใหม่ ด้วยว่าจีนสามารถแต่งสำเภาเข้ามาค้าขายด้วยตัวเองได้’

 

 

จากการขยายอำนาจทางการค้าด้วยการแต่งสำเภาของคนจีน ส่งผลให้อำนาจบนแผ่นดินเมืองโบราณศรีเทพเปลี่ยนไปเช่นกัน เพราะได้เกิดศูนย์กลางการค้าแห่งใหม่ที่ใกล้ทะเลมากกว่านั่นก็คือสุโขทัยและอโยธยา ตรงข้ามกับเมืองศรีเทพที่อยู่ไกลจากเส้นทางการค้าหลัก จึงทำให้เมืองจนและเสื่อมลง

 

แต่ความจนก็หาใช่เหตุผลที่คนจะต้องทิ้งเมือง

 

‘ตรงนี้ก็คือยังเป็นปริศนา และหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมผู้คนถึงทิ้งร้างบริเวณนี้ไป’  คุณธนัชญากล่าวสรุป 

‘ จนลงก็จริง แต่ก็ต้องมีคน? แต่ทำไมไม่กลายเป็นชุมชนเล็ก ๆ ทำไมถึงไม่อยู่ต่อ’

 

การทิ้งร้างเมืองโบราณศรีเทพจึงกลายเป็นปริศนาที่ยังรอวันพิสูจน์ โดยมีการคาดการณ์ว่าสาเหตุของการทิ้งร้างเมืองอาจจะมาจากประเด็นภัยธรรมชาติ ภัยแล้ง หรือโรคระบาด 

 

‘ เราก็จะศึกษาไปตามข้อสันนิษฐานอย่างเช่น ภัยแล้ง จะศึกษาภูมิอากาศสมัยโบราณ การศึกษาเมล็ดพืชในสมัยโบราณ ก็ยังพอเอามาประเด็นมาศึกษาต่อไปได้’

 

คุณธนัชญากล่าวว่า ประเด็นการทิ้งร้างเมืองเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจศึกษาเพิ่มเติมอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีประเด็นคำถามอื่นๆ ในเมืองศรีเทพที่ยังเป็นปริศนาให้ขุดค้นและหาคำตอบอีกมากเพื่อที่จะเรียนรู้และเข้าใจเมืองแห่งนี้ อาทิ การหา DNA ของคนและสัตว์ในเมือง การหาอายุของคูน้ำคันดิน เพื่อแบ่งแยกว่าเมืองส่วนไหนสร้างก่อนหรือหลัง รวมไปถึงการเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมดเพื่อสร้างภาพจำลองการใช้ชีวิตของผู้คนในเมืองศรีเทพในยุคนั้น

 

สำหรับ เส้นทางสู่มรดกโลกศรีเทพ ครั้งหน้าจะพาย้อนไปตั้งแต่วินาทีแรกเริ่มของการขุดค้นพบเมืองโบราณแห่งนี้  ความรุ่งเรืองในสมัยโบราณ ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเมืองศรีเทพเท่าที่สืบเสาะได้ในปัจจุบัน และตอบคำถามที่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมเมืองโบราณศรีเทพถึงสำคัญถึงขั้นต้องขึ้นทะเบียนมรดกโลก! และต่างจากเมืองโบราณที่อื่นอย่างไร?

 

ขอขอบคุณ

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.