"แปรงฟันแห้ง" คืออะไร เพราะสาเหตุใดจึงดีกว่าการแปรงฟันปกติ

โดยปกติเวลาแปรงฟันหลายๆ คนคงคุ้นเคยกับการใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำแล้วบีบยาสีฟันบนแปรง หรือบางคนก็นำแปรงไปล้างน้ำก่อนเพื่อให้แปรงเปียกน้ำก่อนจะบีบยาสีฟันลงไป รวมถึงหลังแปรงฟันก็จะบ้วนปาก หรือบ้วนน้ำ แต่สำหรับการแปรงฟันแห้ง อาจไม่ใช้วิธีการแปรงฟันที่หลายคนคุ้นเคยนัก แต่ทราบหรือไม่ว่า "การแปรงฟันแห้ง" ซึ่งก็คือการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์โดยไม่ใช้น้ำมาเกี่ยวข้องทั้งก่อนแปรงและหลังแปรงฟัน เป็นการแปรงฟันที่อยากแนะนำเพราะดีต่อสุขภาพในช่องปาก

การแปรงฟันแห้งมีประโยชน์ดังนี้

• ช่วยป้องกันฟันผุได้ดีกว่าการแปรงฟันแบบเปียก เนื่องจากฟลูออไรด์ในยาสีฟันสามารถเกาะติดกับผิวฟันได้นานขึ้นเมื่อไม่มีน้ำมาล้างออก
• ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ในการเคลือบฟัน
• ช่วยลดการระคายเคืองเหงือก เนื่องจากน้ำอาจทำให้ยาสีฟันเจือจางลงและทำให้ยาสีฟันไปสัมผัสกับเหงือกมากเกินไป
• ช่วยลดการเกิดกลิ่นปาก เนื่องจากน้ำอาจช่วยแพร่กระจายแบคทีเรียในปาก

อย่างไรก็ตามการแปรงฟันแห้งอาจไม่เหมาะกับทุกคน เช่น ผู้ที่มีปัญหาเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเริ่มแปรงฟันแห้ง

วิธีการแปรงฟันแห้งมีดังนี้

1. บีบยาสีฟันขนาดเท่าเม็ดถั่วลงบนแปรงสีฟัน
2. แปรงฟันตามปกติ โดยเน้นการแปรงฟันให้ทั่วทั้งปาก
3. บ้วนฟองทิ้ง
4. ใช้ผ้าเช็ดปากหรือแปรงซอกฟันทำความสะอาดซอกฟัน

ข้อควรระวังในการแปรงฟันแห้งมีดังนี้

• ไม่ควรแปรงฟันแห้งบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้เหงือกแห้งและระคายเคืองได้
• ควรแปรงฟันแห้งอย่างเบามือ เพื่อไม่ให้เหงือกได้รับบาดเจ็บ
• ควรแปรงฟันแห้งอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน

นอกจากนี้ ควรพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเป็นประจำทุก 6 เดือน เพื่อรับคำแนะนำในการแปรงฟันอย่างถูกต้องและเหมาะสม

ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำในการแปรงฟันแห้งอย่างมีประสิทธิภาพ

• เลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม
• แปรงฟันเป็นเวลา 2 นาที
• แปรงฟันทุกซี่ โดยเน้นที่บริเวณที่เกิดการสะสมของคราบจุลินทรีย์
• บ้วนฟองทิ้งให้หมด
• ใช้แปรงซอกฟันหรือไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟัน

การแปรงฟันแห้งเป็นวิธีแปรงฟันที่มีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันฟันผุและรักษาสุขภาพช่องปาก อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาทันตแพทย์ก่อนเริ่มแปรงฟันแห้ง เพื่อให้แน่ใจว่าเหมาะกับคุณ