โควตากินปาท่องโก๋ไม่ให้อ้วน 2 คู่ต่อวันเท่านั้น
หลังจาก TasteAtlas จัดอับดับอาหารท้องถิ่นทั่วโลก และประกาศให้ ปาท่องโก๋ เป็นอันดับ 5 ของหวานสตรีตฟู้ดที่ดีที่สุดของโลก รวมถึงจัดอันดับเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์อย่างชาไทย ชาเย็น หรือชาสีส้ม ติดอันดับ 7 เครื่องดื่มที่อร่อยที่สุดในโลก พร้อมแนะนำวิธีการกินอาหารระดับสตรีตฟู้ด
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ปาท่องโก๋ นอกจากจะติดอันดับของหวานสตรีตฟู้ดแล้ว จากข้อมูลสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ปี 2559 ยังระบุว่าปาท่องโก๋ เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย ในหมวดกลุ่มเบเกอรีและอาหารว่างอีกด้วย แต่สำหรับคุณค่าทางโภชนาการ โดยสำนักโภชนาการ กรมอนามัย พบว่า ปาท่องโก๋ 100 กรัม ให้พลังงานถึง 441 กิโลแคลอรี มีคาร์โบไฮเดรต 40.56 กรัม ไขมัน 27.79 กรัม ปาท่องโก๋ 1 คู่ขนาดกลาง จะมีน้ำหนักประมาณ 30 กรัม จึงให้พลังงานประมาณ 132 กิโลแคลอรี คาร์โบไฮเดรต 12 กรัม ไขมัน 8 กรัม
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับขนาดว่าตัวเล็กหรือตัวใหญ่ ปาท่องโก๋เป็นขนมที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันอิ่มตัว รวมทั้งให้พลังงานสูง เหมาะผู้ที่ต้องการเพิ่มพลังงาน แต่ก็มีโซเดียมจากผงฟูหรือเกลือปรุงรสสูงด้วย จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นไทรอยด์เป็นพิษ และโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ ปาท่องโก๋ส่วนใหญ่จะนิยมใช้น้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งก่อให้เกิดสารโพลาร์ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็ง ดังนั้น วิธีกินปาท่องโก๋แบบไม่อ้วนและครบถ้วนคุณค่า จึงควรเลือกปาท่องโก๋ที่ใช้น้ำมันใหม่ในการทอด สังเกตได้จากสีที่เป็นน้ำตาลอ่อน และไม่ควรกินเกิน 2 คู่ต่อวัน อาจกินพร้อมโจ๊ก ไข่ต้ม เพื่อให้ร่างกายได้รับโปรตีน หรือกินกับผลไม้ไม่หวานจัด น้ำเต้าหู้ชนิดไม่หวาน เพิ่มธัญพืช เช่น ถั่วแดง เม็ดแมงลัก ข้าวบาร์เลย์ หรือลูกเดือย เพื่อเพิ่มใยอาหารช่วยดักจับไขมัน และเลี่ยงการกินปาท่องโก๋แบบจิ้มกับดิปปิ้งอื่น ๆ
ส่วน ชาไทย หรือชาเย็น 1 แก้ว ปริมาณ 200 มิลลิตร ให้พลังงานประมาณ 430 กิโลแคลอรี ขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละร้าน มีคาร์โบไฮเดรต 69 กรัม ไขมัน 15 กรัม น้ำตาล 53 กรัม หรือประมาณ 13 ช้อนชา เพราะเสน่ห์ของชาไทยจะใส่นมข้นหวาน น้ำตาลหรือนมสด เพื่อให้มีกลิ่นหอม รสชาติกลมกล่อม จากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ปี 2564 พบว่า ประชากรอายุ 6 ปีขึ้นไป บริโภคเครื่องดื่มชง (ชา กาแฟ น้ำหวาน ชานม) สูงถึงร้อยละ 26.3 และกลุ่มอายุ 45-59 ปี ดื่มเครื่องดื่มชงมากที่สุด ร้อยละ 34.8
ทั้งนี้ ในแต่ละวัน ร่างกายไม่ควรได้รับน้ำตาลที่มากเกิน 6 ช้อนชา ดังนั้น หากดื่มบ่อยหรือเป็นประจำทุกวัน จะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน หลอดเลือดสมองและหัวใจ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง และโรคอ้วนลงพุงได้ วิธีดื่มชาไทยแบบใส่ใจสุขภาพ คือ ควรสั่งแบบหวานน้อย ไม่เกิน 2 ช้อนชา รวมทั้งความหวานอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาล นมข้น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อม หรือไซรัปในเครื่องดื่มชงเย็นทุกประเภท ไม่เกิน 2 ช้อนชาเช่นเดียวกัน
“ทั้งนี้ การกินมื้อเช้าที่ดีต่อสุขภาพควรหลีกเลี่ยงอาหารเช้าแบบเร่งด่วนที่ให้พลังงานสูงเกินไปหรือผ่านการทอดซ้ำ ๆ เช่น การกินปลาท่องโก๋จิ้มนมข้นหวานกับเครื่องดื่มชาเย็น ควรรับประทานมื้อเช้า ให้ครบ 5 หมู่ เน้นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน หรืออาหารประเภทแป้งที่ไม่ผ่านกระบวนการขัดสี ที่ยังคงคุณค่าของสารอาหารไว้ เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต เพราะมีใยอาหารสูง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดทำให้รู้สึกอิ่มนาน กินคู่กับไข่ต้มหรือเนื้อไก่ที่ไม่ใช้น้ำมันในการปรุงมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเพิ่มเติม รวมถึงผักผลไม้อาทิ มะเขือต่าง ๆ หอมหัวใหญ่ กระเทียม ถั่วเหลือง แอปเปิล ฝรั่ง ส้ม มะละกอ เพื่อเพิ่มใยอาหารและวิตามินที่สำคัญ”
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.