ประโยชน์ด้านสุขภาพของ "มิโซะ" หนึ่งในอาหารญี่ปุ่นที่คุ้นเคย
มิโซะ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารญี่ปุ่นชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเนื้อข้น ๆ รสเค็มอมหวาน มีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีน้ำตาลเข้ม ได้จากการหมักถั่วเหลือง ข้าว หรือข้าวบาร์เลย์ กับโคจิ (Koji) ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง ใช้เวลาหมักประมาณ 1-3 ปี
มิโซะมีหลากหลายชนิด ขึ้นอยู่กับชนิดของถั่วเหลือง ข้าว หรือข้าวบาร์เลย์ที่ใช้หมัก และระยะเวลาในการหมัก โดยชนิดของมิโสะที่พบได้บ่อยในประเทศไทย ได้แก่
- โคเมะมิโซะ (Kome miso) : ทำจากข้าวหมักกับโคจิ มีลักษณะสีเหลืองอ่อน รสไม่เข้มข้นมาก
- มูกิมิโซะ (Mugi miso) : ทำจากข้าวบาร์เลย์หมักกับโคจิ มีลักษณะสีน้ำตาลอ่อน รสเข้มข้นกว่าโคเมะมิโซะ
- มาเมะมิโซะ (Mame miso) : ทำจากถั่วเหลืองหมักกับโคจิ มีลักษณะสีน้ำตาลเข้ม รสเข้มข้นที่สุด
มิโซะนิยมนำมาประกอบอาหารญี่ปุ่นหลายชนิด เช่น ซุปมิโซะ เต้าหู้มิโซะ ทาโกะยากิ และอุด้งมิโซะ นอกจากนี้ มิโซะยังนิยมนำมารับประทานเป็นอาหารว่าง หรือใช้เป็นส่วนผสมในน้ำจิ้มต่าง ๆ
มิโซะอุดมไปด้วยสารอาหารหลายชนิด เช่น โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ใยอาหาร วิตามินบี 12 และสารต้านอนุมูลอิสระ จึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ดังนี้
- ช่วยระบบย่อยอาหาร มิโซะมีโปรไบโอติกส์ (Probiotics) ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันอาการท้องผูก ท้องเสีย และลดความเสี่ยงของโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายของอนุมูลอิสระ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคติดเชื้อต่าง ๆ
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยป้องกันเซลล์จากการกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็ง ช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งปอด
- ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด มิโสะมีสารอาหารหลายชนิดที่ช่วยบำรุงหัวใจและหลอดเลือด เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินบี 12 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน และโรคหลอดเลือดสมอง
- ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ มิโซะมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดที่ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอัลไซเมอร์และโรคพาร์กินสัน
อย่างไรก็ตาม มิโซะมีโซเดียมค่อนข้างสูง ดังนั้นควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานมากเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดันโลหิตสูง
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.