ผลวิจัยชี้ วัยรุ่นอเมริกัน "รู้สึกสงบ" เมื่ออยู่ห่างสมาร์ทโฟน
การศึกษาชิ้นใหม่อาจช่วยเปลี่ยนมุมคิดเกี่ยวกับการใช้สมาร์ทโฟนของหลายคนได้ เมื่อ 3 ใน 4 ของวัยรุ่นอเมริกันรู้สึกมีความสุขและสงบขึ้นเมื่อพวกเขาอยู่ห่างไกลจากสมาร์ทโฟน
ที่ผ่านมา พบว่าคนจำนวนมากมีอาการติดสมาร์ทโฟน และไม่สามารถวางโทรศัพท์ลงได้ หรือถูกเรียกว่า Nomophobia ซึ่งอธิบายถึงบุคคลที่เกิดความวิตกกังวลเมื่อมือถือปราศจากการเชื่อมต่อ แต่ล่าสุด รายงานชิ้นใหม่จากศูนย์วิจัย Pew Research Center ระบุว่า เกือบ 75% ของวัยรุ่นสหรัฐฯ รู้สึกสุขสงบมากขึ้น เมื่อไม่มีสมาร์ทโฟนอยู่กับตัว
การสำรวจจากศูนย์วิจัย Pew Research Center นี้ จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึงวันที่ 23 ตุลาคมปี 2023 โดยสอบถามจากกลุ่มตัวอย่าง วัยรุ่นและผู้ปกครองจำนวน 1,453 คู่ พบว่าวัยรุ่นส่วนใหญ่ ชี้ว่าสมาร์ทโฟนทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และนำไปสู่งานอดิเรก
45% ของกลุ่มตัวอย่าง มองว่าสมาร์ทโฟนช่วยทำให้การเรียนดีขึ้น ในทัศนะของวัยรุ่นยังมองว่าสมาร์ทโฟนมีประโยชน์มากกว่าข้อเสีย วัยรุ่นในสหรัฐฯ เกือบทั้งหมดหรือราว 95% มีสมาร์ทโฟนใช้งาน
นอกจากนี้ 42% ของวัยรุ่นยังมองว่า สมาร์ทโฟนทำให้การเรียนรู้ทักษะที่ดีในการเข้าสังคม มีความยากลำบากมากขึ้น แต่วัยรุ่นอีก 30% กลับเห็นต่าง และชี้ว่าสมาร์ทโฟนช่วยทำให้มีทักษะการเข้าสังคมที่ง่ายดายมากขึ้น
การสำรวจนี้ถูกจัดทำขึ้น ท่ามกลางความกังวลของหลายภาคส่วน ผู้กำหนดนโยบายและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเยาวชนแสดงความวิตกต่อพฤติกรรมความสัมพันธ์ของวัยรุ่น กับสมาร์ทโฟนและโซเชียลมีเดีย
โดยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว มีจำนวนหลายสิบรัฐ ซึ่งรวมถึงรัฐแคลิฟอร์เนียและรัฐนิวยอร์ก ฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Meta Platforms ที่เป็นเจ้าของ Facebook และ Instagram ด้วยข้อหาที่ว่าทำร้ายเยาวชน ก่อให้เกิดวิกฤตด้านสุขภาพจิตในกลุ่มคนหนุ่มสาว โดยเจตนาออกแบบฟีเจอร์การใช้งาน ที่ทำให้เยาวชนเกิดการเสพติด
ในช่วงเดือนมกราคมปีนี้ ซีอีโอของทั้งบริษัท Meta, TikTok, X และบริษัทโซเชียลมีเดียอื่นๆ เข้าพบคณะกรรมาธิการด้านตุลาการแห่งวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อชี้แจงและตอบข้อซักถาม ต่อประเด็นความอันตรายของโซเชียลมีเดียที่มีต่อเยาวชน
ผลการวิจัยของ Pew Research Center ยังพบปฏิสัมพันธ์ที่น่าสนใจระหว่างวัยรุ่นและผู้ปกครองเกี่ยวกับการใช้งานสมาร์ทโฟน โดย 47% ของผู้ปกครองชี้ว่า พวกเขาจำกัดระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนของเหล่าวัยรุ่น
ขณะที่ผู้ปกครองอีก 48% กลับให้อิสระแก่วัยรุ่นในการใช้งานสมาร์ทโฟน ราว 4 ใน 10 ของกลุ่มตัวอย่าง ยอมรับว่ามีปากเสียงทะเลาะกันในเรื่องระยะเวลาการใช้งานสมาร์ทโฟนของคนหนุ่มสาว อีกทั้ง ชาวอเมริกันเชื้อสายฮิสแปนิก เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการโต้เถียงเรื่องการใช้โทรศัพท์มากที่สุด
64% ของผู้ปกครองที่มีลูกอายุ 13 ถึง 14 ปี เผยว่ามีการตรวจสอบสมาร์ทโฟนที่เด็ก ๆ ใช้งาน ส่วนผู้ปกครองที่มีบุตรหลานอายุ 15 ถึง 17 ปี ตัวเลขดังกล่าวปรับลดไปอยู่ที่ 41%
สำหรับพฤติกรรมของผู้ปกครองและการใช้งานสมาร์ทโฟนของตนเอง พบว่าราวครึ่งหนึ่งของผู้ปกครองในกลุ่มตัวอย่าง มองว่าตนเองใช้เวลากับสมาร์ทโฟนมากเกินไป กลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้สูงมีแนวโน้มที่จะพูดเช่นนี้มากกว่ากลุ่มผู้ปกครองที่มีรายได้ต่ำ ในขณะที่ผู้ปกครองคนผิวขาวมีแนวโน้มที่จะรายงานว่า ใช้เวลากับโทรศัพท์มากเกินไป เมื่อเทียบกับผู้ปกครองที่มีเชื้อสายฮิสแปนิก และผู้ปกครองผิวดำ
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.