มาตรการลดภาษี EV 80% ส่งยอดจดทะเบียนเติบโต 399.05%
ด้วยสภาวะแสดล้อมในปัจจุบัน คนหนักมารักษ์โลกมากขึ้นรถยนต์ที่เกิดจากการสันดาปของเครื่องยนต์กำลังแรงๆและการใช้น้ำมันเพื่อเผาผลาญเริ่มลดลง และรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV เข้ามาเป็นทางเลือกทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการเติมน้ำมัน ยังได้ช่วยลดคาร์บอนในอากาศ
อานิสงส์รัฐออกมาตรการลดภาษีกระตุ้น
สำหรับแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ของรัฐบาลชุดที่แล้ว ในประเด็นด้านอุตสาหกรรมและบริการแห่งอนาคต และเพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) รวมทั้งแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 อันเป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ โดยพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
เรื่องนี้ นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก และโฆษกกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ตามที่กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาล กระทรวงคมนาคม ในการสนับสนุนให้ประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV (Electric Vehicle) เพื่อเป็นการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมที่ประเทศไทย ผ่านมาตรการลดภาษีประจำปี สำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ปรากฏว่านโยบายลดภาษีดังกล่าวได้รับความนิยม
มีประชาชนหันมาใช้รถพลังงานไฟฟ้าหรือรถ EV และนำมาจดทะเบียนใหม่ ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทั่วประเทศ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.65-30 ก.ย.66) มีจำนวนทั้งสิ้น 73,341 คัน เมื่อเทียบกับจำนวนการจดทะเบียนฯในปีงบประมาณ พ.ศ.2565 ที่มีจำนวนทั้งสิ้น 14,696 คันเท่านั้น ซึ่งพบว่ามีอัตราการจดทะเบียนฯ เพิ่มขึ้น จำนวน 58,645 คัน หรือคิดเป็น 399.05%
รถ EV ลดภาษีประจำปีถึง 68
สำหรับมาตรการลดภาษีประจำปีสำหรับรถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นรถใหม่สำเร็จรูปจากโรงงานและนำมาจดทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 10 พ.ย.68 โดยให้ลดภาษีลง 80% จากอัตราที่กำหนดตาม อัตราภาษีประจำปีท้ายกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ ดังนี้
- รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท
- รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท
- รถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้น
รถเก๋งที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 1,600 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 320 บาท, รถตู้ส่วนบุคคลที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่มีน้ำหนัก 1,800 กิโลกรัม ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 800 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 160 บาท ส่วนรถจักรยานยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ปกติจัดเก็บภาษีประจำปี 50 บาท ลดภาษีประจำปีแล้ว คงเหลือ 10 บาท เป็นต้นโดยเริ่มตั้งแต่วันที่รถนั้นจดทะเบียนเป็นระยะเวลา 1 ปี
นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เสริมว่า จากที่คณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ดอีวี) ได้อนุมัติมาตรการสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ระยะที่ 2 (EV3.5) ถือเป็นการต่อยอดนโยบาย EV3.0 ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ต้องการกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวในอุตสาหกรรมรถ EV อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อเป็นการต่อยอดภาครัฐควรเร่งให้สร้างสถานีชาร์จไฟเพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนหันมาใช้รถ EV ให้มากขึ้น ทั้งนี้ ในปัจจุบันได้มีการขยายมาตรการสนับสนุน EV 3.0 ไปถึงวันที่ 31 มกราคม 2567 ส่วนมาตรการ EV 3.5 เริ่มต้นตั้งแต่ 1 มกราคม 2567 ไปถึงปี 2570
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.