หุ้นไทยลั้ลลาปิดพุ่ง 15 จุด จับตาโหวตนายกฯรอบ3 บ่ายนี้ 6โบรกชี้ทางหนีทีไล่

19 หุ้นดีดรับรัฐบาลใหม่

     ฝ่ายวิจัย บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุว่า SET Index ปิดเช้า 1,540.85 บวกไป 15.00 จุด (+0.98%) โดยเปิด Gap ขึ้น จากปัจจัยหนุนความชัดเจนด้านการเมือง กลุ่มที่ผลักดันตลาดปรับตัวขึ้นได้ นำโดย COMM ENERG ETRON และ PROP โดยหลังเปิด Gap ขึ้นตลาดยังปรับตัวขึ้นได้ต่อ ระหว่างรอความชัดเจนด้านประเด็นการเมือง การเลือกนายกรัฐมนตรีในช่วงบ่าย

     แนวโน้มช่วงบ่ายนี้ คาด SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในกรอบ 1,535-1,550 จุด มองประเด็นความชัดเจนด้านการเมือง จะเข้ามาหนุน Sentiment บวกให้กับตลาดหุ้นช่วงบ่ายวันนี้ โดยหุ้นที่น่าสนใจปรับตัวขึ้นได้ต่อ ได้แก่ หุ้นที่อิงกับนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท

     และ หุ้นที่อิงประเด็นการเมือง กลุ่มค้าปลีก กลุ่มเครื่องดื่ม กลุ่มก่อสร้าง และ กลุ่มกัญชง-กัญชา กลุ่มธนาคาร และ กลุ่มโรงไฟฟ้า อาจกลับมาคึกคัก รับการจัดตั้งรัฐบาล และ การผลักดันนโยบายข้างต้น โดยมอง BRR THG GUNKUL HFT TWZ (กลุ่มเกี่ยวข้องกัญชา) CPAXT CRC (ค้าปลีก) ICHI SAPPE CBG (เครื่องดื่ม) STEC SIRI CK (ก่อสร้าง) BBL KBANK SCB KTB (ธนาคาร) GULF EA (โรงไฟฟ้า)

     นอกจากนี้หุ้นในกลุ่ม ธนาคารขนาดใหญ่ และ โรงพยาบาล ที่มักเป็นเป้าหมายการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ยังน่าสนใจ เนื่องจาก Fundflow ที่มักไหลเข้าหลังมีการจัดตั้งรัฐบาล ประเด็นที่น่าติดตามต่อ ได้แก่ การจัดงาน Thailand Focus ที่จัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และการประชุมที่ Jackson Hole ที่จะจัดขึ้นช่วงวันที่ 24-26 ส.ค.นี้

     สำหรับหุ้นน่าสนใจ คือ CPAXT คาดยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อรับความชัดเจนประเด็นนายกฯ ที่จะตามมาพร้อมกับนโยบายกระตุ้นการใช้จ่าย ขณะที่สภาพัฒน์คาดการการจับจ่ายใช้สอยภาคเอกชนยังมีโอกาสขยายตัวต่อในช่วงครึ่งหลังของปี โดยปรับขึ้นการบริโภคปีนี้ จากขยายตัว 3.7% เป็น 5% เป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก

เกาะติดบ่ายนี้ 15 หุ้นเข้าตา

     นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและการบริการการลงทุน บล.กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเมืองภายในยังเดินหน้าต่อ 1.พรรคเพื่อไทย (พท.) แถลง รวบรวมเสียง ส.ส. ร่วมรัฐบาลได้ 11 พรรค รวม 314 เสียง โดยยังคงแผนเสนอชื่อ Candidate นายกฯ คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ในการโหวตนายกฯวันนี้(22 ส.ค.66)

     ภายใต้จำนวนเสียง ส.ส. ที่มีดังกล่าว เท่ากับต้องการ 62 เสียง จาก ส.ว. หรือ ส.ส. ขั้วตรงข้าม แม้ท่าที ส.ว. ยังผสมผสาน แต่เราประเมินมีโอกาสโหวตสำเร็จ หากอิงความเห็น ส.ว. โดยรวมที่คาดน่าจะโหวตให้กับ Candidate คุณเศรษฐาฯ เกิน 100 เสียง ทำให้ประเมินมีโอกาสพรรคเพื่อไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้สูง หากการโหวตนายกฯเดินหน้าได้

     ทั้งนี้หากโหวตผ่านเราคาดตลาดจะติดตาม 1) หน้าตา ครม. ใหม่ และทีมเศรษฐกิจว่าจะสร้างความเชื่อมั่นตลาดทุนมาก/น้อยเพียงใด และ 2) การขับเคลื่อนนโยบายหลักๆที่นำโดยพรรคเพื่อไทย มองหนุนกลุ่มค้าปลีกอิงกำลังซื้อต่างจังหวัด (CPAXT, CPALL, DOHOME, GLOBAL)  ดิจิทัล (ADVANC, TRUE, BE8) ธนาคาร (SCB, KBANK) และการลงทุน (WHA, STEC, PTT, AMATA, GULF, THCOM) 

     จากโครงสร้างนโยบายที่มี 2 องค์ประกอบหลัก คือ ส่วนที่ 1 คือ เศรษฐกิจฐานรากและดิจิทัล (Digital Wallet กระตุ้นบริโภคระยะสั้น, เพิ่มรายได้ต่อครัวเรือน หนุนระยะกลาง-ยาว ผ่านกลไกเพิ่มทักษะ (Platform สร้างอาชีพ บวก 1 คนที่มีศักยภาพใน 1 ครอบครัว 1 Soft Power และ จัดโครงสร้างธุรกิจเกษตร (ปลูก/เลี้ยงพืช สัตว์ตรงความต้องการโลก นำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน)) และเมื่อ GDP เริ่มตั้งฐานเติบโตได้เป้าหมาย 5+-% ต่อปี จะตามด้วยการปรับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำและเงินเดือน ป.ตรี

     ส่วนที่ 2 คือ การขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน(ผลักดันรถไฟความเร็วสูง รถไฟเชื่อมระหว่างเมืองหลัก เมืองรอง, สนามบิน) และการลงทุน (เพิ่มพื้นที่นิคมใหม่ๆ อำนวยความสะดวกลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น ระบบรัฐบาลดิจิทัล ลดขั้นตอนติดต่อ และเพิ่มสิทธิประโยชน์ผลักดัน S Curve ใหม่ฝั่งดิจิทัลในกลุ่ม SMEs และ Start-up)

โหวตผ่านหุ้นทะลุ 1540 

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุว่า ติดตามการโหวตนายกฯ ในช่วงบ่ายนี้ คาดเริ่มเวลาประมาณ 15.00 น.  เราประเมินว่าจะเห็นทิศทางชัดเจนขึ้นหลังนับเสียงโหวตไปแล้วราว 1 ชม. หาก ได้รับการสนันสนุนอย่างชัดเจน คาดว่าจะเป็นปัจจัยให้ SET INDEX ปรับตัวทะลุผ่าน 1540 จุดได้ หุ้นเด่นคือกลุ่ม Domestic Play เช่น KBANK, SCB, BBL, SAWAD, TIDLOR, GPSC, COM7, TRUE, OSP

5 กลุ่มผลตอบแทนสูง 

     บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ติดตามการลงมติของรัฐสภาเพื่อโหวตนายกฯคนใหม่ ซึ่งหากชื่อของคุณเศรษฐาจากพรรคเพื่อไทยได้รับความเห็นชอบจากสภา ก็น่าจะมี Sentiment เชิงบวกต่อ SET Index ได้ในระยะสั้น แต่ในทางกลับกัน หากมี Accident เกิดขึ้นจนทำให้คุณเศรษฐาได้รับคะแนนไม่ถึงกึ่งหนึ่ง มองจะเป็น Sentiment เชิงลบที่เกิดขึ้นกับตลาดได้จากประเด็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าซึ่งก็ต้องดูว่าพรรคเพื่อไทยจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เช่น การเปลี่ยนตัวแคนดิเดตนายกฯเป็นคนอื่นหรือไม่เป็นต้น

     หากอ้างอิงจากสถิติในอดีตเมื่อ 4 ปีที่แลว้พบว่า การโหวตนายกฯที่สำเร็จได้นำมาสู่การปรับขึ้นของ SET Index ในช่วงสั้น โดยในปี 2562 ที่พลเอกประยุทธ์ได้รับความเห็นชอบจากสภาในวันที่ 5 มิถุนายน SET Index ทยอยไต่ระดับสูงขึ้นและไปทำจุดสูงสุดประมาณ 1 เดือนหลังจากนั้นโดยให้ผลตอบแทนอยท 6.3% ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว พบว่ากลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุด ได้แก่
     1) กลุ่ม TRANS นำโดย PSL, III, PRM, SJWD, AOT
     2) กลุ่ม ICT นำโดย SAMART, SAMTEL, JMART, ILINK, HUMAN
     3) กลุ่ม ENERG นำโดย GPSC, GULF, BCPG, PTG, TOP
     4) กลุ่ม PF&REIT
     5) กลุ่ม CONS นำโดย STPI, BJCHI, SRICHA, SEAFCO, CK

      หากเราใช้หุ้นในดัชนี SET100 เป็น Universe จะพบว่าในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นที่ Outperform ตลาดมากที่สุด 5 อันดับแรกจะได้แก่ GPSC, GULF, THANI, BCPG และ JMART มองเป็นอีกกลุ่มหุ้นหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรในช่วงนี้ หากการโหวตนายกฯนั้นออกมาเป็นผลสำเร็จ แนวรับ 1,508 แนวต้าน 1,538 จุด

8 หุ้นการเมืองเข้าตา

     ฝ่ายวิเคราะห์ บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ ระบุว่า วันนี้ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยขับเคลื่อนราคาที่น่าสนใจติดตามหลายประเด็น ทั้ง 1.ติดตามการโหวตนายกฯ วันนี้ เราคิดมีโอกาสสูงที่ คุณ เศรษฐา Candidate นายกฯ จากพรรคเพื่อไทย จะได้รับเสียงเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส และส.ว. ทั้งนี้หากพิจารณาจากรายงานข่าว พบว่าพรรคเพื่อไทยจะยังได้รับผิดชอบในกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ คาดหุ้นที่ได้อานิสงส์เชิงบวก ได้แก่ BBL, CPALL, CK, GULF, KTB, KBANK, SIRI, STEC 

     2.สภาพัฒน์ฯ รายงาน GDP 2Q66 ของไทย เติบโต +1.8%YoY พร้อมปรับประมาณการ GDP ปีนี้ลง จากเดิม 2.7-3.7% เหลือ 2.5-3% ทั้งนี้หากดูในรายละเอียด พบว่าบริโภคภาคเอกชนยังฟื้นตัวได้ดีถึง +7.8%YoY แต่การบริโภคและลงทุนภาครัฐชะลอลงหลังการจัดตั้งรัฐบาลยังไม่เสร็จสิ้น เรายังชอบหุ้นกลุ่มอิงปัจจัยในประเทศ เช่น CBG, CPALL, CPN, CRC, ERW ที่คาดจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายในประเทศ 

     3.ติดตามถ้อยแถลงของประธาน Fed ที่การประชุม Jackson hole หากมีการส่งสัญญาณหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ย จะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้สินทรัพย์เสี่ยงปรับขึ้นต่อ 

     โดยแนะนำซื้อ หุ้น CPALL ราคาเป้าหมาย 76 บาท กำไร 2Q66 เติบโต +8%QoQ, +48%YoY โดดเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก จากกำไรของธุรกิจ 7-11 ที่เติบโตโดดเด่นราว 59% YoY มาช่วยหักล้างกำไรของ CPAXT ซึ่งเป็น บ.ย่อย ที่ลดลง 3.6% YoY เป็นผลให้นักวิเคราะห์ของเราปรับประมาณการกำไรปี 66-67 ขึ้น ทั้งนี้เรามองว่า CPAXT ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว จะกลับมาเติบโตใน 2H66 หลังออกหุ้นกู้สกุลเงินบาท มาชำระเงินกู้สกุลเงินดอลลาร์แล้ว จะช่วยให้ CPXAT ประหยัดดอกเบี้ยจ่ายไตรมาสละ 300 ล้านบาท 

     หุ้น GULF ราคาเป้าหมาย 76 บาท กำไร 2Q66 โต -25%QoQ, +86%YoY โดยการลดลง QoQ มาจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเป็นหลัก ส่วนการเติบโต YoY ได้แรงหนุนจากการรับรู้เงินปันผลจาก JASIF และกำไรของโรงไฟฟ้า SPP จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับลดลงในอัตราที่มากกว่าค่า Ft ที่ลดลง คาด 2H66 เติบโต HoH จากโรงไฟฟ้าใหม่ช่วยหนุน กอปรกับเงินปันผลจาก JASIF และโรงไฟฟ้า SPP ที่คาดดีต่อเนื่อง

     หุ้น KBANK ราคาเป้าหมาย 160 บาท กำไร 2Q66 ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยทั้ง QoQ, YoY จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิช่วยหนุน ตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้น แม้จะยังมีปัจจัยกดดันจากแนวโน้มการตั้งสำรองสูง ปี 66-67 แต่ในเชิงกลยุทธ์ประเมินราคาปัจจุบันลงมาสะท้อนปัจจัยลบไปแล้วจนเทรดที่ PBV เพียง 0.6 เท่า แนะทยอยซื้อสะสม

     และหุ้น TIDLOR ราคาเป้าหมาย 27 บาท กำไร 2Q66 -3%QoQ, -6%YoY จากการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ขณะกำไรจากการดำเนินงานทรงตัว QoQ, +22%YoY ในเชิงกลยุทธ์เรามองว่าราคาหุ้นลงมาตอบรับปัจจัยลบไปมากแล้ว และมีโอกาสที่จะได้อานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการของรัฐบาลชุดใหม่ ที่บางนโยบายจะหนุนกำลังซื้อของกลุ่มฐานราก

วันนี้คาดได้ตัวนายกฯ

     ฝ่ายวิจัย บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า วานนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคการเมืองอื่นๆ อีก 11 พรรคแถลงร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าร่วมรัฐบาล ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการจัดสรรตำแหน่งในการบริหารประเทศไว้ ดังนี้

     พรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีว่าการ 8 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย-รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 9 ตำแหน่ง

     พรรคภูมิใจไทย รัฐมนตรีว่าการ 4 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 4 ตำแหน่ง

     พรรคพลังประชารัฐ รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง

     พรรครวมไทยสร้างชาติ รัฐมนตรีว่าการ 2 กระทรวง และรัฐมนตรีช่วย 2 ตำแหน่ง

     พรรคชาติไทยพัฒนา รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง

     พรรคประชาชาติ รัฐมนตรีว่าการ 1 กระทรวง

     ทั้งนี้ได้มีมติร่วมกันเสนอชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ต่อรัฐสภา โดยจำนวนเสียงสนับสนุนล่าสุดมีอยู่ 314 เสียงซึ่งต้องหาเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกอีก 61 เสียง จึงจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพได้โดยท่าทีของ สว. ล่าสุดมีโอกาสสูงที่ทำให้การโหวตนายกรอบที่ 3 มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น (>375เสียง) กระบวนการหลังจากนั้น คือ แต่งตั้ง ครม. ชุดใหม่ช่วงปลายเดือน ส.ค.66 

     ประเด็นดังกล่าว หากเป็นผลสำเร็จจริงจะช่วยลดความกังวลเรื่องสุญญากาศทางการเมืองและงบประมาณประจำปี 2567 ไปได้ระดับหนึ่ง และน่าจะทำให้ SET Index ตอบสนองเชิงบวกได้ ขณะที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงว่าจะยึดนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชนเป็นนโยบายหลักในการบริหารประเทศ เช่น Digital Wallet, ที่ดินทำกิน, ขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570, เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท, เกณฑ์ทหารโดยสมัครใจ, เพิ่มราคาพืชผลเกษตร, แก้ปัญหาความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในจังหวัดชายแดนภาคใต้, กัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ และจะแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งกลุ่มหุ้นที่คาดว่าสามารถจะเก็งกำไรได้จากประเด็นดังกล่าว คือ หุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่าซื้อ อสังหาฯ ท่องเที่ยว อาทิ CRC CPALL BJC TIDLOR MTC SAWAD LH SC SIRI PR9 CENTEL ERW MINT เป็นต้น

     ฝ่ายวิจัยฯประเมินการจัดตั้งรัฐบาลมีโอกาสราบรื่น และรู้ตัวนายกฯในวันนี้ หนุน SET Index ช่วงสั้นกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้านแรกที่ระดับ 1545 จุด ขณะที่หลังจากจัดตั้งรัฐบาลและได้ชุด ครม.เรียบร้อย คาดเห็นการผลักดันนโยบายของแต่ละพรรคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะถัดไป

     ตลาดหุ้นสหรัฐยังปรับตัวลงต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 3 ยังเห็นความเสี่ยงจากการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินสู่สินทรัพย์ปลอดภัยอยู่ หลังจาก Bond Yield 10 ปี สหรัฐ ล่าสุดขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 16 ปี อยู่ที่ 4.33% (ในช่วง 1 เดือน ปรับตัวขึ้นมา 42 bps.) ซึ่งตามกลไกจะกดดันให้นักลงทุนซื้อขายหุ้นสหรัฐใน P/E ที่ถูกลง ถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นโลก

     ขณะที่ตลาดหุ้นไทยได้รับแรงกดดันจากประเด็นดังกล่าวน้อยกว่า จาก Bond Yield 10 ปีไทยที่ต่ำกว่าสหรัฐ อยู่ที่ 2.74% และยังขยับขึ้นมาช้า โดยใน 1 เดือน เพิ่มขึ้นมาเพียง 14 bps.จึงทำให้แรงกดดันจากการโยกย้ายเม็ดเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัยน้อยกว่า

     ส่วนแรงสนับสนุนตลาดน่าจะเป็นความคาดหวังการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง และการปั้มหัวใจเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นขึ้น อีกทั้งหากเปรียบเทียบกับ Timeline โหวตได้นายกฯในปี 2562 ผ่าน หลังจากนั้น 1 เดือน SET Index ขยับขึ้นได้ 5-6% น่าจะเป็น Sentiment ที่ดีต่อตลาดหุ้นปัจจุบัน หากวันนี้โหวตนายกฯ ผ่านได้ สำหรับวันนี้ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1520-1545 จุด ส่วน Top pick เลือก BJC, TRUE, ERW

 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.