NIA ปรับโฉมหนุน SMEs - สตาร์ทอัพ ผ่านกลไกการเงิน 300 ล้าน

สํานักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เร่งเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และการสร้างเศรษฐกิจใหม่ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม และความคิดสร้างสรรค์ ปรับโฉมสนับสนุนผู้ประกอบการธุรกิจนวัตกรรม สตาร์ทอัพ วิสาหกิจเพื่อสังคม และวิสาหกิจชุมชนผ่านกลไกการเงินภายใต้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท โดยมุ่งต่อยอดพัฒนาด้านการตลาด การนำนวัตกรรมออกสู่ตลาด การตรวจสอบมาตรฐาน และสามารถดำเนินธุรกิจได้ในระยะยาว ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถสร้างให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า 

“การจะทำให้ประเทศไทยมีการเติบโตด้านการวิจัยและพัฒนาในธุรกิจนวัตกรรม ภาครัฐเป็นส่วนสำคัญอย่างมากกับบทบาทการเพิ่มสัดส่วนการลงทุน – ผู้กำหนดกลไกกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีการใช้จ่ายและพัฒนานวัตกรรมเพิ่มอย่างต่อเนื่อง

NIA เข้าใจดีว่ายังมี SMEs และสตาร์ทอัพบางส่วนที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจากอุปสรรคหลายอย่าง ทาง NIA จึงทบทวนและปรับเปลี่ยนกลไกการสนับสนุนให้สอดรับกับความต้องการของ SMEs  สตาร์ทอัพ วิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน และผู้ที่ต้องการทำธุรกิจนวัตกรรมให้มากขึ้น 

การปรับโฉมกลไกการส่งเสริมและสนับสนุน SMEs สตาร์ทอัพ วิสาหกิจเพื่อสังคม และวิสาหกิจชุมชนไทยผ่านแพคเกจใหม่ จะมีการปรับเพิ่มการพัฒนาด้านการตลาดให้มากขึ้น ทั้งการนำนวัตกรรมออกสู่ตลาด การตรวจสอบมาตรฐาน การทดลองตลาด และการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หลังออกสู่ตลาด เพื่อทำให้นวัตกรรมที่ได้รับการพัฒนาสามารถสร้างรายได้และสร้างมูลค่าการส่งออกได้จริง ถือเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้งบประมาณกว่า 300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าจะมีผลิตภัณฑ์ กระบวนการ หรือบริการที่ใช้ประโยชน์ได้จริงในเชิงพาณิชย์ และสร้างให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ เงินทุนสนับสนุนการสร้างธุรกิจนวัตกรรมของ NIA นอกจากจะได้รับการจัดสรรจากสำนักงบประมาณแล้ว อีกส่วนหนึ่งได้มาจากกองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (กองทุน ววน.)

ขณะที่ ดร.สุรอรรถ ศุภจัตุรัส รองผู้อำนวยการด้านนวัตกรรมเพื่อเศรษฐกิจและสังคม NIA กล่าวว่า NIA ได้ออกแบบและพัฒนากลไกการสนับสนุนทางการเงินทั้งสิ้น 7 กลไก ได้แก่

1. กลไกการขยายผลนวัตกรรมในระดับภูมิภาคสู่ตลาด (Regional Market Validation) ทุนอุดหนุนสมทบไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ หรือไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ สำหรับการทดสอบตลาด การปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม ให้สามารถขยายผลเชิงพาณิชย์และฐานลูกค้าใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 

2. กลไกทุนโครงการนวัตกรรมแบบมุ่งเป้า (Thematic Innovation) ทุนอุดหนุนสมทบไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าโครงการ หรือไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อโครงการ สำหรับทดสอบความเป็นไปได้ทางการตลาดของผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรม การปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการนวัตกรรมให้ตอบโจทย์ตลาดเป้าหมายมากขึ้น การประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการลงทุน

3. กลไกการสนับสนุนที่ปรึกษาเพื่อพัฒนานวัตกรรม (Managing Innovation Development: MIND) ทุนอุดหนุนสมทบไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ หรือไม่เกิน 1,000,000 บาทต่อโครงการ สำหรับจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กรด้านกลยุทธ์ธุรกิจ การตลาด ทรัพย์สินทางปัญญา การบัญชี การเงินและการลงทุน การค้าระหว่างประเทศ 

4. กลไกการทดสอบผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่เกี่ยวข้อง (Standard Testing) ทุนอุดหนุนสมทบไม่เกินร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ หรือไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ สำหรับจ้างที่ปรึกษา การปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานภายในองค์กร การวิเคราะห์ทดสอบ การทวนสอบและประเมินผล เพื่อขอขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์หรือขอรับรองมาตรฐานที่สำคัญต่อการเติบโตทางธุรกิจ

5. กลไกการขยายธุรกิจนวัตกรรม (Market Expansion) เพื่อทดสอบนวัตกรรมในหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 100 ของมูลค่าโครงการ ในหน่วยงานภาครัฐ และสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 50 ของมูลค่าโครงการ ในหน่วยงานเอกชน หรือไม่เกิน 2,000,000 บาท ต่อโครงการ ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับขยายธุรกิจสู่เชิงพาณิชย์ของธุรกิจฐานนวัตกรรมในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายพร้อมกับการประเมินความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์และการดำเนินธุรกิจ 

6. กลไกสนับสนุนดอกเบี้ยบางส่วนเพื่อเสริมสภาพคล่อง (Working Capital Interest) ทุนอุดหนุนสมทบไม่เกินร้อยละ 75 ของมูลค่าดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมทั้งหมด หรือไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อโครงการ ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี สำหรับเพิ่มสภาพคล่องเพื่อการเติบโตของธุรกิจฐานนวัตกรรม 

7. กลไกการสนับสนุนผู้ประกอบธุรกิจเทคโนโลยีและนวัตกรรมได้มีโอกาสเติบโตและขยายตลาดโดยการร่วมมือจากแหล่งทุนภาครัฐและเอกชน (Corporate CO – Funding) การสนับสนุนในรูปแบบทุนอุดหนุนสมทบกำหนดเงื่อนไขการส่งคืนเมื่อโครงการประสบความสำเร็จเชิงพาณิชย์ สัดส่วนร้อยละ 50 ของมูลค่าการลงทุน หรือไม่เกิน 10,000,000 บาทต่อโครงการ ร่วมกับแหล่งทุนภาครัฐและเอกชนที่ได้รับการรับรอง เป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี สนับสนุนกิจกรรมเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต เช่น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การตลาด การเพิ่มกำลังการผลิต การขยายทีม และการจัดการทรัพย์สินทางปัญญา 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.