ปตท. มุ่งมั่น Net Zero ควบคู่ CCS เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ

     ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวบนเวทีกรุงเทพธุรกิจ ฟอรั่ม : “ASEAN Economic Outlook 2025 : The Rise of ASEAN” ในหัวข้อ ASEAN Energy Transition Towards Sustainability ว่า อาเซียนมีประชาชนรวมกันเฉียด 700 ล้านคน และ GDP อาเซียนถือว่าใหญ่เป็น 6%ของโลก จึงเลี่ยงไม่ได้ที่โลกต้องการใช้พลังงาน

     แต่พลังงานก็มีข้อจำกัด ก๊าซฯถือว่ามีความสำคัญ เป็นพลังงานฟอสซิลที่สะอาด และอาเซียนมีแหล่งก๊าซฯสำคัญๆ ทั้งในอ่าวไทย , มาเลเซีย , อินโดนีเซีย มีแหล่งก๊าซฯมากมาย

     ความต้องการใช้ก๊าซฯมีค่อนข้างมาก ประเทศไทยพึ่งพาก๊าซฯในอ่าวไทยถึง 50% และนำเข้า LNG 35% ซึ่งรัฐบาลผลักดันการใช้ก๊าซฯจากหลายแหล่ง แม้ก๊าซฯจะเป็นฟอสซิลสะอาด แต่ในกระบวนการใช้ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจกอยู่ดี ดังนั้นจึงต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกควบคู่กันไป 

     "ไทยเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องเดินหน้า NET ZERO โดยทำควบคู่ CCS เราต้องสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงาน เพราะน้ำมันเรานำเข้ากว่า 90% นี่คือสิ่งที่เราต้องเดินหน้า"

     ปตท. มีวิชั่นที่เราต้องแข็งแรงร่วมสังคมไทย และโตอย่างยั่งยืน ต้องสมดุลย์ด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ดังนั้น ปตท. ต้องทำสิ่งที่ตัวเองถนัดทั้งก๊าซฯ และต้องทำ Carbon Capture & Storage (CCS) ซึ่ง ปตท. ตั้งเป้า Net Zero ปี 2050 โดยเน้นลดคาร์บอน , การกักเก็บคาร์บอน สร้าง CCS โดยเริ่มจากกลุ่ม ปตท. เป็นหลัก บวกกับการปลูกป่าร่วมด้วย

     "ปตท. เดินหน้า CCS  ควบคู่ไฮโดรเจน(Hydrogen) ถ้าทำทั้ง 2 อย่างเชื่อว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกก็จะลดลง ทั้งนี้ ปตท. ต้องทำหน้าที่หลักในการสร้างความมั่นคงด้านพบังงาน สร้างการเติบโต ควบคู่การลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก"

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.