คลัง ชี้ ธปท.แทรกแซงค่าเงิน ยังไม่พอหยุดบาทแข็ง ต้องหั่นดอกเบี้ยเบรกเงินไหลเข้า

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่าเข้าแทรกแซงเงินบาทในช่วงเงินบาทแข็งค่าและผันผวนสูงขึ้น ส่งผลให้เงินสำรองระหว่างประเทศของไทยสูงสุดในรอบ 2 ปี ว่า การแก้ไขค่าเงินบาทที่ผันผวน จะแก้ไขด้วยการแทรกแซงค่าเงินเพียงอย่างเดียวไม่พอ เนื่องต้นตอที่ทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น เกิดจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจไม่สอดคล้องกับนโยบายการเงินของชาติมหาอำนาจ ทำให้เงินไหลเข้าไทย จนทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ดังนั้นการแก้ไขด้วยการแทรกแซงจึงเป็นการแก้ไขปัญหาด้วยปลายเหตุ เพราะต้นต่อเป็นต้นตอระยะยาวเกิดจากส่วนต่างทางนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยนโยบายมีความแตกต่างกันมาก

“การแก้เรื่องบาทแข็งต้องแกไขทั้งสองทาง คือ ทั้งอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และการดูแลค่าเงินไม่ให้ผันผวนในระยะสั้น ดังนั้นการแก้ไขด้วยการแทรกแซงอย่างเดียวไม่พอ เพราะต้องแทรกแซงต่อไปเรื่อยๆ เพราะอัตราดอกเบี้ยมันต่างกัน เงินก็จะไหลเข้าไทยเรื่อยๆ ซึ่งเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ”นายเผ่าภูมิ กล่าว

ทั้งนี้ ค่าเงินบาทที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจ คือ ต้องไม่ผันผวนจนเกินไป และค่าเงินบาทที่เหมาะสมในช่วงเวลามีความแตกต่างกัน ต้องดูประเทศจากประเทศคู้ค่า ประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นว่าค่าเงินบาทของไทยแข็งค่าเป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งอยู่ในเกณฑ์แข็งค่ามาก ดังนั้นค่าเงินบาทที่เหมาะสมในขณนี้ มองว่า ที่ควรอยู่ที่ 34 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐกว่าๆ 

“ธปท.ต้องดูแลค่าเงินให้เกาะกลุ่มกับประเทศในอาเซียนให้ได้ ไม่ใช่วันนึงเงินบาทเราแข็งค่าขึ้นกว่าระดับสกุลเงินเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งผลกระทบในภาพรวม ไทยก็จะค้าขายกับเขาไม่ได้ เพราะความสามารถในการแข็งขันของไทยก็จะต่ำลง ” นายเผ่าภูมิ กล่าว

ส่วนเรื่องส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้ เป็นก็เป็นอีกปัญหา และหน้าที่ที่ธปท.ต้องรับผิดชอบหาทางแก้ไข เพราะเป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และเป็นการสร้างเข็มแข็งเพิ่มขึ้นให้กับธนาคารพาณิชย์ โดยควรมองในมิติในการช่วยกันกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการปล่อยเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจในอัตราที่ธนาคารพาณิชย์สามารถทำธุรกิจได้ซึ่งเป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจมากกว่า
 

ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องชั่งน้ำหนักของ 2 มิติ คือ ระหว่างศักยภาพของเศรษฐกิจ กับเสถียรภาพเศรษฐกิจ ซึ่งตอนนี้มองว่า ประเทศมีเสถียรภาพทางการเงินสูงมาก แต่ศักยภาพทางเศรษฐกิจยังไม่ค่อยมีมากนัก ดังนั้นต้องจุนเจือให้เกิดความสมดุล อะไรมากไปน้อยไปก็ไม่ดี เศรษฐกิจก็เดินไม่ได้

 

ดังนั้นสิ่งที่กระทรวงการคลังทำได้ คือ การหารือ และขอความร่วมมือไปที่ธปท. รวมถึงธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ ขณะที่ธปท.ดูแลในส่วนของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งด้วยหลัก 2 ขา นี้มีความเชื่อมโยงกัน หากเราช่วยกันทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยแคบลงมาได้ ก็จะเป็นจุดสตาร์ทให้ตลาดมีการปรับตัวมากขึ้น 

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.