เปิดโพย 25 หุ้น โหนกระแสมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง โดยเน้นใช้นโยบายการเงินผ่อนคลาย เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์ และเร่งแก้ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งใช้นโยบายการคลังแจกเงินให้กับผู้ยากไร้กระตุ้นการบริโภค นอกจากนี้ ยังเตรียมออกกองทุนพยุงหุ้นด้วย ประกอบด้วย

วันที่ 24 ก.ย.2567 

  • นโยบายเพิ่มสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ โดยเตรียมลดการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5%, ลดดอกเบี้ยระยะสั้น Reverse Repo ระยะ 7 วัน ลงเหลือ 1.5% (เดิม 1.7%) และคาดลดดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) และดอกเบี้ยเงินฝากจะลด 0.2-0.25%  
  • นโยบายฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์ โดยลดดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านลง 0.5% และลดเงินดาวน์ขั้นต่ำการกู้ซื้อบ้านหลังที่ 2 จาก 25% เหลือ 15%  
  • นโยบายพยังตลาดหุ้น โดยเตรียมตั้งกองทุนพยุงหุ้น มูลค่าอย่างน้อย 8 แสนล้านหยวน (การสวอป 5 แสนล้านหยวน/เงินกู้ 3 แสนล้านหยวน)

วันที่ 25 ก.ย.2567 

  • นโยบายเพิ่มสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ โดยลดดอกเบี้ย MLF ระยะ 1 ปี ลงเหลือ 2.0% (เดิม 2.3%)
  • นโยบายกระตุ้นการใช้จ่าย โดยจีนทุ่มงบ 1.55 แสนล้านหยวน แจกเงินคนยากไร้ราว 5 ล้านคน ก่อน 1 ต.ค.2567

วันที่ 26 ก.ย.2567 

  • นโยบายรองรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลปักกิ่งเตรียมอัดฉีดเงินสูงสุด 1 ล้านล้านหยวน เข้าสู่ธนาคารรัฐบาลขนาดใหญ่ จากการออกพันธบัตรพิเศษ

วันที่ 27 ก.ย.2567 

  • นโยบายเพิ่มสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ โดย PBOC ประกาศลด RRR ลง 0.50% 

วันที่ 28 ก.ย.2567 

  • นโยบายรักษาสภาพคล่องธนาคารพาณิชย์ โดย PBOC ประกาศซื้อคืนพันธบัตร (reserve repo) ระยะ 7 วัน มูลค่า 1.82 แสนล้านหยวน

วันที่ 29 ก.ย.2567 

  • นโยบายฟื้นฟูอสังหาริมทรัพย์ โดยจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้บ้านก่อน 31 ต.ค.2567 

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ในมองมุมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะกลาง-ยาว จะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน หากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว เนื่องจากไทยมีมูลค่าส่งออกไปจีนเป็นลำดับ 2 (เป็นรองแค่สหรัฐฯ) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 15.5% ของมูลค่าส่งออกในไทยทั้งหมด

และหากพิจารณาในมุมของจีนก็นำเข้าสินค้าจากไทย สูงเป็นลำดับ 13 หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 1.83% ของมูลค่านำเข้าในจีนทั้งหมด และมีโอกาสเสริมให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากขึ้นต่อเนื่อง จนกลับไปอยู่ในช่วงก่อนวิกฤตโควิด-19 โดยมีจำนวนเฉลี่ย 9 แสนคน/เดือน

ประเด็นดังกล่าวหนุนให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาส OUTPERFORM ตลาดหุ้นโลก คล้ายคลึงตลาดหุ้นจีน โดยกลยุทธ์การลวทุนในช่วงนี้ เน้นตาม SENTIMENT จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ เน้นหุ้นได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัว ดังนี้

กลุ่มท่องเที่ยว-โรงแรม และ Logistic ได้แก่ AOT, SJWD, ERW, MINT, CENTEL, III, WICE, TTA, PSL

กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ HANA, KCE, SMT

กลุ่มธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัย ได้แก่ NOBLE, SIRI, ORI

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ได้แก่ SCC, SCGP

กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี ได้แก่ TOP, PTTGC, PTTEP, IVL

กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ CBG, CRC

กลุ่มยางพารา ได้แก่ NER, STA

Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.