ผ่าเกมหุ้นไทยไตรมาส 4/67 ใครรอด...ใครร่วง ?
ก้าวสู่ความท้าทายในไตรมาส 4/2567 เม็ดเงินต่างชาติยังมีโอกาสไหลเข้าตลาดหุ้นไทยต่อ อ้างอิงตามทิศทางดอกเบี้ยหลายประเทศ ทั้ง สหรัฐฯ , ยุโรป มีโอกาสเป็นขาลงเร็วและแรงกว่าประเทศไทย(BOND YIELD สหรัฐ-ไทยแคบลง) ซึ่งส่วนต่าง BOND YIELD 10 ปี ไทยกับสหรัฐแคบลง FUND FLOW ต่างชาติมักจะไหลเข้าตลาดหุ้นไทย
ในทางกลับกัน หาก BOND YIELD 10 ปี ไทยถูกสหรัฐทิ้งห่าง(GAP มากขึ้น) FUND FLOW ก็มักจะไหลออกเช่นกัน โดยทุกๆ ส่วนต่าง BOND YIELD 10Y(US-TH) แคบลง 5 ถึง 10 Basis Points (BPS.) หนุนให้ FUND FLOW ไหลเข้าได้ราว 10,000 ล้านบาท แต่ถ้าส่วนต่าง BOND YIELD 10Y (US-TH) กว้างขึ้น 5 ถึง 10 BPS. กดดัน FUND FLOW ไหลออก 10,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีเม็ดเงินจากกองทุนวายุภักษ์อีก 1.5 แสนล้านบาท บวกกับเม็ดเงินจาก THAIESG เงื่อนไขใหม่ 34 กองทุน ราว 10,000-20,000 ล้านบาท คอยพยุงตลาดในช่วงไตรมาส 4/2567 หลังจากรัฐบาลอนุมัติกองทุน THAIESG ใหม่ผ่านมาได้ 1 เดือนกว่าๆ มีเม็ดเงินหนุนเพิ่ม 2,500 ล้านบาท จนมี AUM ล่าสุด ณ 20 ก.ย.67 อยู่ที่ 9.4 พันล้านบาท
และปกตินักลงทุนมักกระจุกการลงทุนกองทุนประหยัดภาษีในช่วงท้ายๆปี หรือไตรมาสที่ 4 ราว 66% ของทั้งปีหนุนช่วงไตรมาส 4/2567 เม็ดเงินจะเข้ามาในตลาดหนาแน่นขึ้น
"บล.เอเซีย พลัสมองว่านอกจาก FUND FLOW จากต่างประเทศจะมาแล้ว เงินทุนในประเทศน่าจะมาผ่านวายุภักษ์ และ THAILAND ESG FUND กว่า 1.7 แสนล้านบาทช่วยพยุงตลาดหุ้นไทยในช่วงไตรมาส 4/67 ให้มีโอกาสผันผวนน้อยลง"
เคาะกรอบ 1370-1520 จุด
ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ มองกลยุทธ์การลงทุนไตรมาส 4/2567 ประเมินตลาดหุ้นไทยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีจะสามารถแกว่งทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 ได้ แม้ Upside จะเริ่มถูกจำกัดจาก Valuation ที่สูงขึ้น แต่คาด Downside ก็จะถูกจำกัดจากสภาพคล่องที่เอ่อล้นจากหลายทิศทางด้วยกัน ประเมินกรอบแนวต้านของ SET Index ที่ระดับ 1,480 และ 1,520 จุด ส่วนแนวรับประเมินที่ 1,400 และ 1,370 จุดตามลำดับ
กลยุทธ์ Stock selection จะยังคงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับการลงทุนไตรมาสที่ 4/2567 นี้ โดยฝ่ายวิเคราะห์ชอบหุ้น กลุ่ม Domestic cyclicals ที่อิงการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศ อาทิ กลุ่มค้าปลีก, อสังหาฯ, ไฟแนนซ์ เนื่องจากคาดหวังปัจจัยกระตุ้นทางด้านนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐบาลน่าจะทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นับรวมกับการเข้าสู่ช่วงเทศกาล และ Upside surprise ที่อาจเกิดขึ้นหากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงถัดไป
ขณะที่ กลุ่ม Global cyclicals ที่อิงกับเศรษฐกิจภายนอกนั้น แม้ Valuation ของหุ้นเหล่านี้ส่วนใหญ่จะยังอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำให้หลีกเลี่ยงไปก่อน เนื่องจากไม่มั่นใจต่อแนวโน้มเศรษฐกิจโลกในช่วง 3-6 เดือนข้างหน้ามากนัก
5 กลุ่มหุ้นเด่นไตรมาส 4/67
1) กลุ่มหุ้นที่เตรียมเข้าสู่ High season ของการบริโภคและการท่องเที่ยว เลือก HMPRO ให้ราคาเป้าหมาย 18 บาท , ERW ให้ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท
2) กลุ่มหุ้น Domestic ที่มีเงินปันผลสูง และยังคงมี Valuation ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เลือก AP ให้ราคาเป้าหมาย 12.90 บาท , ICHI โดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (IAA Consensus) ให้ราคาเป้าหมายปี 2567 เฉลี่ย 20.07 บาท
3) กลุ่มกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ที่ยังคงมีระดับ Dividend yield และ Dividend yield gap สูงกว่าค่าเฉลี่ย เลือก DIF โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 10.88 บาท , CPNREIT โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 12.24 บาท
4) กลุ่มหุ้นที่คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่ดัชนี SET50 ในรอบถัดไป เลือก COM7 โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 23.63 บาท , SAWAD ให้ราคาเป้าหมาย 34 บาท
5) กลุ่มหุ้นที่จะได้อานิสงส์ หากมีการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในช่วงถัดไป เลือก AEONTS โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 149.05 บาท และ KTC โดย IAA Consensus ให้ราคาเป้าหมายเฉลี่ย 45.09 บาท
ราคาหุ้น HMPRO ปิดการซื้อขายเช้าวันนี้(30 ก.ย.67) อยู่ที่ 10.40 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -0.95% มูลค่าการซื้อขาย 215.93 ล้านบาท
หุ้น ERW ปิดที่ 4.48 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -2.18% มูลค่าการซื้อขาย 56.38 ล้านบาท
หุ้น AP ปิดที่ 10 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าการซื้อขาย 63.81 ล้านบาท
หุ้น ICHI ปิดที่ 16.30 บาท ลดลง 0.20 บาท คิดเป็น -1.21% มูลค่าการซื้อขาย 29.59 ล้านบาท
หุ้น DIF ปิดที่ 9.55 บาท ลดลง 0.05 บาท คิดเป็น -0.52% มูลค่าการซื้อขาย 46.15 ล้านบาท
หุ้น CPNREIT ปิดที่ 13 บาท ลดลง 0.10 บาท คิดเป็น -0.76% มูลค่าการซื้อขาย 16.97 ล้านบาท
หุ้น COM7 ปิดที่ 23.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท คิดเป็น +0.85% มูลค่าการซื้อขาย 80.47 ล้านบาท
หุ้น SAWAD ปิดที่ 43 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท คิดเป็น +2.38% มูลค่าการซื้อขาย 117.22 ล้านบาท
หุ้น AEONTS ปิดที่ 142.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท คิดเป็น +1.42% มูลค่าการซื้อขาย 23.16 ล้านบาท
หุ้น KTC ปิดที่ 48.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท คิดเป็น +2.11% มูลค่าการซื้อขาย 113.86 ล้านบาท
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.