SET เข้าโหมดพัก! รอภาพ"คณะรัฐมนตรี"ชัด แกว่งกรอบ 1,352-1,375จุด
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่าคาดหุ้นไทยวันนี้ “แกว่งในกรอบ” แนวต้าน 1,373 / 1,375 จุด แนวรับ 1,356 / 1,352 จุด ดัชนี S&P500 ปรับลดลง 0.6% แต่เป็นปัจจัยเฉพาะตัว Super Micro Computer (SMIC) ลดลง 19% ไม่ส่งรายงานประจำปี
ขณะที่ Futures ยังลงต่อ NVIDIA (After Hours) ลดลง 7% แม้กำไรในไตรมาส 2/67 ดีกว่าคาด แต่ Outlook ไม่ดีเท่าตลาดคาดหวัง Gross Margin อยู่ในกรอบล่างที่ตลาดมอง แต่ฝ่ายฯมองจิตวิทยาลบอ่อนๆต่อกลุ่มชิ้นส่วน อิง Return กลุ่ม SETETRON YTD เพิ่มขึ้น 18% (vs NVIDIA เพิ่มขึ้น 151%)
ขณะที่เป็นที่น่าสังเกตว่าปัจจุบันเม็ดเงินกำลังไหลสู่หุ้นและตลาดที่ Laggard , Valuation ไม่แพง ETF MSCI ไทย คืนวานนี้และ After Hours ทรงตัว ส่วนภายในงาน Thailand Focus ทำให้เรามั่นใจต่อความพร้อมเทคโนโลยีไทยที่สูงขึ้น โดยเฉพาะจุดเด่น Infrastructure Technology ที่เชื่อช่วยยกระดับศักยภาพ GDP โดยเริ่มเห็น Use Case ของ Digital Adoption มากขึ้นในหลายอุตสาหกรรม
หุ้นเด่นกลุ่มที่อยู่ใน Ecosystem Infra Tech หุ้น Anti-Commodities (โรงไฟฟ้า สายการบิน วัสดุ ค้าปลีก) และหุ้นยาง (ราคายางวานนี้ เพิ่มขึ้น 3.2% MTD เพิ่มขึ้น 18%) วันนี้แนะนำ CPAXT, TASCO, STA
ด้านสัญญาณทางเทคนิค SET INDEX วันนี้ แท่งเทียนทำปิดในลักษณะของ SPINNING TOP แต่ยังคงสามารถปิดเหนือแนวเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆทั้ง EMA 5, 10, 25, 50 วัน ที่เรียงตัวกันขึ้นมาต่อเนื่อง ผสานเครื่องมือทางด้านเทคนิคที่เป็น TREND-FOLLOWING INDICATOR โดยเฉพาะ MACD ยังคงมีสัญญาณ BULLISH ต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม เครื่องมือบางตัว อาทิ RSI , MODIFIED STOCHASTIC เข้าเขต OVERBOUGHT มาระยะหนึ่งแล้ว รวมถึง VOLUME ที่หดตัวลงและไม่มีความต่อเนื่อง ฉะนั้นให้น้ำหนักดัชนีมีโอกาสพักย่อระยะสั้น เน้นแนวรับ 1,356 / 1,352 จุด แนวต้านโซนเดิม 1,370 - 1,372 จุด
คำแนะนำ 1)นักลงทุนระยะสั้นยังแนะนำแบ่งขายทำกำไรบางส่วนตามแนวต้านที่กำหนดจากภาวะ OVERBOUGHT และ 2)นักลงทุนระยะกลางถึงยาวเน้นถือลงทุนต่อ
"เก็งกำไร"
SNNP เป้า13.5/14.1บาท แนวรับ 12.9บาท จุดตัดขาดทุน 12.6บาท
CPALL เป้า61/62บาท แนวรับ 59.75บาท จุดตัดขาดทุน 59บาท
ADVICE เป้า6/6.2บาท แนวรับ 5.65บาท จุดตัดขาดทุน 5.5บาท
TEGH เป้า3.8/3.94บาท แนวรับ 3.62บาท จุดตัดขาดทุน 3.54บาท
บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า ตลาดหุ้นทั่วโลก พร้อมใจกันเข้าสู่โหมดปรับฐาน หลังรับข่าวบวกมาระยะหนึ่ง เช่นเดียวกับตลาดไทย ที่ยังต้องรอดูหน้าตาพรรคร่วมฯ และ ครม. รวมทั้งการปรับนโยบายเศรษฐกิจ จึงเห็นแรงขายทำกำไรหุ้นที่ได้อานิสงค์จากการเมือง (ค้าปลีกและธนาคาร) หุ้นใหญ่บางตัวทยอยหรือกำไรจะ “XD” โดยนักลงทุนมุ่งเข้าสู่หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวไปพลางๆ
กำไร NVIDIA ออกมาช่วงปลายตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยดีกว่าคาด (EPS (GAPP) $0.67 ดีกว่าคาดที่ $0.60) แต่คาดการณ์รายได้ ไตรมาสหน้า(3Q)ต่ำกว่าคาด กล่าวคือ บริษัทคาดการณ์รายได้ไว้ที่ $3.25 หมื่นล้านเหรียญ จากกรอบที่คาด $3.19-3.79 หมื่นล้านเหรียญ และมีความกังวลต่อ GPU Chip “Blackwell” ซึ่งเป็นเรือธงตัวใหม่ของ NVIDIA ด้วย ส่งผลให้ราคาหุ้น NVIDIA ปรับตัวลง ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าหุ้น Tech เอเซียวันนี้ น่าจะเป็นลบตามไปด้วย โดยหุ้นไทยที่อิง Tech คือ DELTA, HANA, KCE
ขณะที่วานนี้ “พรรคเพื่อไทย” ยื่นหนังสือเทียบเชิญ “พรรคประชาธิปัตย์” เข้าร่วมรัฐบาลอย่างเป็นทางการแล้ว โดยมี สส.ของทั้ง 2 พรรคร่วมเป็นสักขีพยาน ส่วนโควต้ารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ ยังต้องรอนายกฯตัดสินใจ วันนี้ประชุม กก.บห. เวลา 17.00 น. วาระพิจารณาการร่วมรัฐบาล และเสนอชื่อบุคคลดำรงตำแหน่งการเมือง ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เข้าร่วมรัฐบาล และ พรรคพลังประชารัฐ ออกจากการเป็นพรรคร่วมฯจะเป็นลบต่อตลาดหุ้น เนื่องจาก เสียงของพรรคร่วม อาจลงไปเหลือเพียง 274 เสียง
นายเผ่าภูมิ รมช.คลัง กล่าวในงาน Thailand Focus 2024 การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากทั้งความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง แต่ไทยฟื้นตัวได้เร็วโดยคาด GDP ปีนี้จะอยู่ที่ 2.3-2.8% และในครึ่งปีหลังรัฐบาลมีนโยบายจูงใจนักลงทุน ให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อาทิ พัฒนาการด้านการลงทุน ธรรมาภิบาลที่ดีขึ้น กองทุนวายุภักษ์ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 และ Entertainment Complex เป็นต้น
นายเศรษฐพุฒิ ผู้ว่าฯ ธปท. เผยเงินบาทแข็งค่าขึ้นค่อนข้างเร็ว ส่วนหนึ่งมาจากที่ fed ส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ และราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้นในไทย อย่างไรก็ตาม ค่าเงินบาทยังเคลื่อนไหวใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เป็นต้น มองเคลื่อนไหวทรงตัว หากเทียบต้นปี67-ปัจจุบัน นอกจากนี้ยังคงเป้า GDP ปีนี้ไวที่ 2.6% และ 3% ในปี68 มองยังไม่มีสัญญาณเงินฝืด แม้เงินเฟ้อ ก.ค. ต่ำอยู่ที่ 0.8% จากเป้าปีนี้ที่ 1-3% และพร้อมปรับดอกเบี้ยสถานการณ์เปลี่ยน
บอร์ดบริหารกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ อนุมัติช่วยเหลือเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยโดยการพักชำระหนี้เงินต้น 3 เดือน เพื่อช่วยลดภาระหนี้ เสริมสภาพคล่อง ลด NPL
นายภูมิธรรม รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ ได้หารือ 28 หน่วยงาน แก้ปัญหาสินค้านำเข้าที่ไม่ได้มาตรฐานและราคาต่ำ สรุป 5 มาตรการหลัก ได้แก่ เพิ่มความเข้มงวดการตรวจสินค้า ณ ด่านศุลกากร เพิ่มอัตราการเปิดตู้สินค้า (Full Container Load), การปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย, มาตรการภาษีสำหรับสินค้าจากต่างประเทศ, การช่วยเหลือ SMEs ไทย และการสร้างความร่วมมือกับประเทศคู่ค้าเพื่อส่งเสริม E-Commerce
MSCI จะมีการ rebalance ในวันที่ 30 ส.ค. คาดว่า ราคาหุ้นที่จะถูกปรับน้ำหนัก จะมีปริมาณซื้อขายสูงกว่าปกติ ในช่วง 2 วันก่อนทำ rebalance
Event สำคัญวันนี้: ตัวเลข GDP 2q(s) ของสหรัฐฯ คาด 2.75% qoq(เดือนก่อน 2.8%) ตัวเลขเคลมการว่างงานและยอดขายบ้านรอการปิดโอนของสหรัฐฯ
โดยแนะนำถือ หุ้น SIRI เป้า 1.80 บาท ลงทุน 1.4 พันล้านบาท สร้างโรงงานพรีคาสท์แห่งที่ 5 และ 6 ที่ จ.ปทุมธานี รวมถึง หุ้น PRM แนะนำซื้อ เป้า 10 บาท กำไรปกติ 2H24E จะโตโดดเด่น YoY จากธุรกิจ FSU และ OSV
อย่างไรก็ดี ตลาดอยู่ในโหมดพักตัวรอเลือกทาง(ครม.)น่าจะใช้เวลากี่วัน โอกาสจะไปที่ 1,380 จุด มีมากกว่าที่จะลงไปหา 1,330 จุด(ถ้าผิดหวังในเรื่องการเมือง หรือพรรคร่วมฯใหม่ ไม่โดนใจนักลงทุน) กลยุทธ์ ชะลอการซื้อหุ้นอิงการเมือง(มาตรการเศรษฐกิจ) และให้น้ำหนักกับหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวมากขึ้น
หุ้นใหญ่ที่แนะนำเวลานี้ยังเป็นกลุ่มธนาคาร (SCB, KTB) กลุ่ม ICT (TRUE*, ADVANC) โรงไฟฟ้า (GULF) และนิคมฯ (WHA) จะเห็นว่าหุ้นเหล่านี้ ไม่ได้อิงกับการเมืองมากนัก
หุ้น 6 ตัวแรก ที่คาดว่าจะได้อานิสงค์จากการซื้อกลับ หลังถูก Short มามาก คือ TOP, TISCO, HANA, AOT, PTTEP และ DELTA
หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นเดิมไว้ หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย AOT(10%), SCB(10%)
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.