"กิติพงศ์" เดินหน้ายุทธศาสตร์ "ฟื้นเชื่อมั่น-เพิ่มประสิทธิภาพ-ยั่งยืน"
ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษ: "Revitalizing Capital Markets: Boosting Efficiency and Restoring Confidence" พลิกฟื้นตลาดทุน: เพิ่มประสิทธิภาพและความเชื่อมั่น ในงาน Thailand Focus 2024: Adapting to a Changing World ว่า โลกปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ความท้าทายรอบด้าน ขณะที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ภูมิรัฐศาสตร์ และความต้องการของผู้ลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป ความสามารถในการการปรับตัวจึงไม่ใช่เพียงความได้เปรียบแต่เป็นความจำเป็น ทั้งนี้ตลาดทุนไทยได้พิสูจน์ความสามารถในการยืดหยุ่นท่ามกลางพายุระบบการเงินโลก ความไม่แน่นอนทางการเมือง และภาวะโรคระบาด
ทั้งนี้วางบทบาทของตลาดทุนไทยในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม และการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยยุทธศาสตร์ 3 เสาหลัก ได้แก่ 1. ความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น 2. การเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุนไทย และ 3. การส่งเสริมความยั่งยืน เพื่อมุ่งหน้าสู่การเป็นตลาดทุนสำหรับทุกคนเพื่อมุ่งสู่อนาคต
โดยเสาหลักที่ 1 ความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น ในฐานะที่ผมมีประสบการณ์ในแวดวงกฎหมาย เป็นทนายมากว่า 43 ปี และเป็นกรรมการด้านกฎหมายในบริษัทจดทะเบียน พบว่าการกำกับดูแลและธรรมาภิบาลเป็นหัวใจสำคัญสำหรับความไว้วางใจและความเชื่อมั่น เวลาและประสิทธิภาพเป็นกุญแจสำหรับความไว้วางใจ การเดินหน้าส่งเสริมความเชื่อมั่นและไว้วางใจผ่านการกระชับความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อทำให้เกิดการบังคับใช้อย่างทันเวลา เสริมสร้างกรอบกฎหมาย การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และ AI เช่น การใช้ AI ในการตรวจสอบความผิดปกติของคำสั่งซื้อขายหรือกิจกรรมที่ไม่ปกติ การเพิ่มความโปร่งใสของข้อมูล
ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ฯได้เปิดเผยข้อมูลโปรแกรมเทรดดิ้ง และข้อมูล Short Selling รวมทั้งส่งเสริมระบบนิเวศตลาดทุนให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ทั้งผู้ลงทุนรายย่อย และผู้ลงทุนสถาบันจากทั้งในและต่างประเทศ
เสาหลักที่ 2 การเพิ่มขีดความสามารถของตลาดทุนไทย ตลาดทุนโลกที่มีความเชื่อมต่อกันไร้ขอบเขต การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของตลาดทุนไทยให้เป็นที่สนใจสำหรับผู้ลงทุนในและต่างประเทศ การส่งเสริมการใช้ตลาดทุนในภาคที่มีการเติบโตสูง โดยสนับสนุนอุตสาหกรรมอนาคตให้เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย
ขณะที่มีบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในธุรกิจดิจิทัล คอมเมิร์ซ การแพทย์สมัยใหม่ การเกษตร และเทคโนโลยีอาหาร เป็นต้น การส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและความร่วมมือระดับโลก โดยสนับสนุนให้บริษัทขนาดใหญ่เข้าลงทุนและในธุรกิจสตาร์ทอัพให้เติบโตเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ mai และ SET รวมถึงการอัปเกรดโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี เช่น การพัฒนาระบบซื้อขายหลักทรัพย์โดยร่วมมือกับ Nasdaq เพื่อให้สามารถรองรับมูลค่าซื้อขายจำนวนมากเป็นไปตามมาตรฐานสากล และรองรับผลิตภัณฑ์ลงทุนจากทั่วโลกอย่างไร้รอยต่อ
เสาหลักที่ 3 การส่งเสริมความยั่งยืน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทจดทะเบียน จะเห็นได้ว่าปีที่แล้ว มีบริษัทจดทะเบียนรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจำนวน 445 บริษัท หรือ 50% ของบริษัททั้งหมด ขณะที่มีการรายงานปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดลง 6.1% รวมถึงการส่งเสริมบรรษัทภิบาล ผู้ถือหุ้น สอดคล้องกับกองทุน TESG ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูดการลงทุนผ่านแรงจูงใจทางภาษีสำหรับการลงทุนในบริษัทที่มี ESG ระดับสูง
นอกจากนี้ การฟื้นคืนกองทุนวายุภักษ์ที่ให้ผลตอบแทนน่าสนใจ ขณะที่ยังสามารถสนับสนุนการพัฒนาตลาดหุ้นไทย ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังได้เสนอเครื่องมือที่ดีขึ้นสำหรับให้ผู้ลงทุนประเมินบริษัทจดทะเบียนได้ และยังร่วมมือกับ FTSE RUSSELL เข้าประเมิน ESG บริษัทจดทะเบียนไทย รวมทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ESG ใหม่ และการสนับสนุนธุรกิจครอบครัว ทั้งนี้ 67% ของบริษัทจดทะเบียนเป็นธุรกิจครอบครัว ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาโครงการเพื่อสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจครอบครัวให้สามารถเติบโตและส่งต่อธุรกิจสู่รุ่นลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนเชื่อมโยงตลาดทุนกับธุรกิจครอบครัว แสดงให้เห็นว่าตลาดทุนจะสามารถเพิ่มศักยภาพธุรกิจครอบครัวได้ ทั้งการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และการเติบโตอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจไทย
Tuyên bố từ chối trách nhiệm: Bản quyền của bài viết này thuộc về tác giả gốc. Việc đăng lại bài viết này chỉ nhằm mục đích truyền tải thông tin và không cấu thành bất kỳ lời khuyên đầu tư nào. Nếu có bất kỳ hành vi vi phạm nào, vui lòng liên hệ với chúng tôi ngay lập tức. Chúng tôi sẽ sửa đổi hoặc xóa bài viết. Cảm ơn bạn.